Inspiration

ชาช่า อริต์ตา รามณรงค์ นักแสดง ศิลปิน มากความสามารถ
ชาช่า อริต์ตา รามณรงค์ นักแสดง ศิลปิน มากความสามารถที่ไม่หยุดต่อความเป็นตัวเอง และเลือกที่จะลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จนมาถึงช่างสักที่มีงานเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนอาบู ลิงจอมซนจากการ์ตูนสุดคลาสสิค Aladdin ที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้คุณชาช่า ชอบสัตว์และอยากได้สัตว์เลี้ยงคู่ใจที่เกาะแขนเกาะขาสามารถเป็นเพื่อนที่รู้ใจ อาบูบู ลิงมาโมเสทของคุณชาช่า ที่คุณชาช่าหลงมาก ด้วยความที่น้องลิงพันธุ์นี้มีความตัวเล็กใบหน้าที่น่ารักไม่ยากเลยที่จะทำให้ใครหลายคนโดนน้องตก ต่อมาน้องลิงอีกตัวของคุณชาช่า จาฟาร์ ลิงพันธุ์ทามาริน ที่มีผมสุดเท่และสีขาว ซึ่งตอนแรก อาบูบูกับจาฟาร์เข้ากันได้ดีมาก แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็กัดกัน คุณชาช่าบอกมาว่า การเลี้ยงสัตว์มันไม่ใช่แค่การซื้อมาและเลี้ยงแต่มันจะมีค่าดูแลที่แพงมาก ๆ ทำให้คุณชาช่าต้องเลี้ยงแยกกัน บายูว ลิงกระรอก ลิงตัวปัจจุบันของคุณชาช่า ที่เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนต้องเคยเห็นในช่องทางออนไลน์ของคุณชาช่าแน่นอน คุณชาช่าเล่าว่าน้องบายูว เหมือนเด็กคนหนึ่งที่มีขนทั้งอ้อนและไร้เดียงสา “เพราะสัตว์เลี้ยงให้พลังและกำลังใจ”ทุกครั้งที่สัตว์เลี้ยงของคุณชาช่ามาอ้อน หรือเวลานั่งทำงานและมีน้องแมวมานั่งข้าง ๆ มันทำให้ใจฟูมาก ๆอุปสรรคในการเลี้ยง ลิง ของคุณชาช่าก็ใช่ว่าจะไม่เจอปัญหาอะไรเลย เพราะในช่วงแรกคำตอบจากความสงสัยในการเลี้ยงลิง ค่อนข้างที่จะยาก เพราะในประเทศไทยคนเลี้ยงไม่ค่อยเยอะ ทำให้คุณชาช่าต้องศึกษาและหาข้อมูลเยอะมาก ๆ เช่นกัน อย่างลิงกระรอกไม่ควรเลยที่จะโดนน้ำลายของคน เพราะอาจจะทำให้น้องเสียชีวิตได้ หรือคนบางคนก็ยังให้อาหารคนให้น้องทาน ซึ่งมันเลยทำให้คุณชาช่าทำคลิปแชร์ประสบการณ์ในการเลี้ยงน้องลิง เพราะถึงกลุ่มคนเลี้ยงลิงจะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็ยังมีคนในประเทศเลี้ยง เพราะคุณชาช่าอยากให้ทุกคนที่เลี้ยงลิง ได้ให้ชีวิตที่ดีกับเขา และด้วยความที่คุณชาช่าเลี้ยงสัตว์เยอะทำให้มีธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์ เพราะอะไรที่คุณชาช่าชอบหรือสนใจมันก็จะมักกลายมาเป็นธุรกิจหมด เพราะคุณชาช่าถือคติว่า“ถ้าเราชอบสิ่งนี้ และเราเสียตังค์ให้มันเยอะ เราก็ควรได้อะไรกลับมาจากมันบ้าง”ไม่รวมแค่ธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์แต่หมายถึงทุกอย่างในชีวิตของคุณชาช่า อย่างตอนนี้คุณชาช่าได้เป็นช่างสัก เริ่มจากที่คุณชาช่าเป็นคนชอบออกแบบกราฟิกอยู่แล้ว และได้มีโอกาสไปดูคุณเลโอสัก ทำให้คุณชาช่ารู้สึกว่าช่างสักดูเท่มาก ๆ อย่างลองเป็นช่างสักบ้าง จนผ่านเวลาไปสักพัก ด้วยความที่คนรอบตัวคุณชาช่าเริ่มที่จะสัก ทำให้คุณชาช่าสนใจและอยากสักขึ้นมา คุณชาช่าเลยตัดสินใจสักลายแรก เป็นรูปแอปเปิ้ล มาจากชื่อของคุณแม่ของคุณชาช่า และคุณชาช่าก็ยังรู้สึกว่าช่างสักยังดูเท่อยู่ และโดยที่ตัวเองก็ชอบออกแบบอยู่แล้ว ก็เลยทำให้คุณชาช่าได้ลงมือเรียน โดยที่ตอนแรกคุณชาช่าก็กลัวว่าตัวเองจะทำได้ไหม จนได้เริ่มสักคนจริง ๆ ในงานสไตล์ของตัวเองจริง ๆ จนกลายมาเป็นสตูดิโอจนถึงทุกวันนี้ Pepper.Inker Tattoo Studio
26 Apr 2023
ริน ศิรินญา ปึงสุวรรณ เด็กที่ชอบสะสมโมเดลจนกลายเป็น ‘Art Toys Designer’
1. จุดเริ่มต้นของการทำ Art toysจุดเริ่มต้นในการทํา Art toys มาจากการที่ตั้งแต่เด็กชอบสะสมโมเดล พอโตมาก็เริ่มศึกษาศิลปะมากขึ้นพอได้เห็น Art toys ตามพวกงานอีเวนต์ต่าง ๆ ก็เลยลองศึกษา และก็ได้เริ่มมาจากตรงนั้น2. แรงบันดาลใจของ Art toys แต่ละตัว แรงบันดาลใจในการทํา Art toys คือ การเอาเรื่องราวในชีวิตที่เจอในแต่ละช่วงเวลา ในแต่ละเหตุการณ์ มาถ่ายทอดออกมาผ่านตัวน้องแต่ละตัว3. ศิลปะมีหลายอย่าง ทำไมถึงต้องทำ Art toysเริ่มรู้ตัวว่าชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แต่มันก็ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นว่า มันจะคือศิลปะแบบไหนที่ชอบ อยากทําอะไร หรือทําอันไหนแล้วมันจะเวิร์คสําหรับเรา เลยใช้เวลาช่วงมหาลัยที่เข้ามาเรียนที่คณะวิทย์ฯ มหิดล ด้วยระยะทางมันไกลจากที่บ้านทำให้มีเวลา มีโลกที่กว้างขึ้นในการที่จะศึกษารูปแบบของศิลปะต่าง ๆ โดยช่วงแรกจะไปตามงานงานอีเวนต์ศิลปะทุกประเภท จนมาเจอว่าอะไรที่มันรู้สึกดึงดูดมากที่สุด ก็คืองาน Art toys งานโมเดล4. ทำไมต้องเป็นสัตว์บางทีสัตว์มันสื่อสารไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าเขาอยากจะบอกอะไรสักอย่างเลยรู้สึกว่าอยากทําตรงนี้ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวอะไรบางอย่าง5. เลี้ยงสัตว์บ้างไหมหรือมีสัตว์ตัวไหนที่อยากเลี้ยงจริง ๆ อยากเลี้ยงสัตว์มาก ซึ่งที่บ้านไม่ได้เลี้ยงอยู่แล้ว เลยคิดไว้ว่าอาจจะเลี้ยงในอนาคต พอเรียนจบมหาลัยได้ทํางานศิลปะเลย พอเริ่มก้าวเข้ามาทํางานศิลปะก็รู้สึกว่าเริ่มเลี้ยงไม่ได้แล้ว เพราะด้วยสารเคมีต่าง ๆ ที่ทํามันอาจจะส่งผลต่อน้องสัตว์ได้ ก็เลยเป็นการเลี้ยงในรูปแบบของอาร์ททอยแทนแล้วกัน6. อยากให้พูดถึงน้องแต่ละตัวมันเริ่มจากการไป work and travel ตอนช่วงปีสามที่ San Francisco และได้ไปเห็น Art toys ตัวนึง ที่ชื่อว่า ‘Dunny’ เป็นฟิลแบบแพลตฟอร์มทอย เหมือนให้คนที่ได้รับไปหรือเจ้าของคาแรคเตอร์นั้นแต่งเติมเรื่องราวได้ เลยเริ่มเอาตรงนี้มาเป็นแรงบันดาลใจ คาแรคเตอร์ตัวแรกที่ได้มาก็คือ โต๋ย น้องจะเป็นแพทเทิร์นตัวที่ง่าย ๆ เกลี้ยง ๆ เหมือนพอเวลาเจอเรื่องราวอะไร หรืออยากถ่ายทอดอะไรให้คนอื่นได้รับรู้ ก็จะถ่ายทอดมันผ่านน้องตัวนี้ตัวแรก เป็นเหมือนไดอารี่ พอเริ่มทํางาน ตัวต่อมาที่ได้ก็คือ ‘เฟรนเน่’ ซึ่งมาจากเฟนเน็คฟ็อกซ์ มันเป็น  Base on story ของเฟนเน็คฟ็อกซ์ เหมือนนกเงือกที่จะเป็นสัตว์มีรักเดียว เลยอยากทําตัวนี้ขึ้นมา ด้วยความที่ตอนเด็ก ๆ ไม่ค่อยมีเพื่อน เหมือนชอบเล่นกับของเล่น เลยเห็นของเล่นเป็นเพื่อน และมีความคิดอยากให้ของเล่นมีชีวิต ก็เลยสร้างคาแรคเตอร์ตัวหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนความรัก ให้เป็นตัวแทนของการที่ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง เราจะอยู่กับคุณตลอด จะมีซ่อนกิมมิคอะไรหลาย ๆ อย่างไว้ น้องเป็นตัวแทนของความไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทุกคนบนโลกมันไม่มีใครสมบูรณ์แบบทั้งนั้น แต่ไม่ว่าใครก็ตาม ก็สามารถมีความรักดี ๆ ได้แล้วเขาก็สามารถให้ความรักดี ๆ กับคนอื่นได้เหมือนกัน ต่อมาช่วงโควิดประมาณปีที่สอง รู้สึกว่าคนรอบตัวเริ่มเฉาไปหมด เริ่มนอยด์ เลยอยากสร้างคาแรคเตอร์เป็นตัวตลกตัวหนึ่งขึ้นมา เพื่อไว้คอยโอบกอดทุกคน ก็เลยออกมาเป็นตัวนี้ ‘โทบี้’ ซึ่งเหมือนกับหมี มันเป็นเหมือนตัวแทนของการกอดที่อบอุ่น หลังจากนั้นได้ดูการ์ตูนมาหลายเรื่อง และได้สังเกตเห็นว่ามันมีสัตว์ตัวนึงที่ ไม่ว่าการ์ตูนเรื่องไหนเค้าจะเป็นผู้ร้ายเสมอคือ ไฮยีนา ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่มีสัตว์ตัวไหนที่เป็นผู้ร้ายหรอก เขาแค่ทําตามสัญชาตญาณตัวเองแต่เพียงแค่บางครั้งหน้าตาเค้าอาจจะดูดุ ดูน่ากลัว ก็เลยเอาคอนเซ็ปต์ตรงนี้มาเล่นกับกับตัวคาแรคเตอร์ ‘ไฮดี้’ ปากน้องจะเหมือนมีเทปกาวแปะอยู่ เหมือนกับว่าน้องไม่สามารถที่จะพูดเพื่อปกป้องตัวเองได้ เพราะคนจะเชื่อแต่สิ่งที่เห็น8.คาแรคเตอร์สัตว์ตัวไหนชอบมากที่สุดให้ ‘เฟรนเน่’ เพราะรู้สึกว่าความไม่สมบูรณ์แบบมันสวยงาม และอยากให้ความรักดี ๆ กับคนอื่นผ่านทางงานเหมือนกัน รวมถึงอยากได้รับความรักจากทุกคนที่ชอบผลงานด้วย9.สเน่ห์ของผลงานที่ไม่เหมือนใครเด่นไปที่เรื่องราวมากกว่า เพราะว่าทุกตัวที่ทํา จะมีสตอรี่ของน้องเสมอ10. ในอนาคตอยากให้วงการ Art toys ไทยไปในทิศทางไหนมันเปิดกว้างได้กว่านี้อีก อยากให้ทุกคนหรือคนทั่วไปเขาสามารถรู้จักคําว่า Art toys ได้ ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่เป็นนักสะสมอยู่แล้วหรือกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง อยากให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจ Character Design ได้ด้วย มันก็จะทําให้ตลาด Art toys ไทยสามารถเปิดกว้างขึ้นได้อีก ก็จะส่งผลดีต่องานศิลปะ
24 Feb 2023
“มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ( home4animals )” และจะพาไปทำความรู้จักกับ คุณครรชิต วาพิไลผู้ช่วยผู้จัดการ
สวัสดีเพื่อน ๆ นักอ่านทุกท่าน ในโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้ ยังมีเจ้าตัวเล็กที่น่าสงสารอีกหลายชีวิต ที่รอให้ทุกคนมองเห็นเขาอยู่ ปัญหาสุนัขและแมวจรจัดที่ถูกทิ้งนั้น เป็นปัญหาสังคมที่ได้รับผลกระทบกันทุกฝ่าย ตอนที่เขายังเป็นเด็กก็จะมีความน่ารักน่าเอ็นดู แต่พอพวกเขาเริ่มอายุเยอะขึ้น ก็จะหมดความน่ารักลง แล้วมักจะจบลงที่การถูกทิ้งตามสถานที่ต่าง ๆMy Beloved Story ฉบับนี้เรามีผู้ใหญ่ใจดีจากแบรนด์ Pro ซึ่งเป็นแบรนด์อาหารสุนัขและแมวที่ถูกสร้างมา เพื่อคนที่ต้องการจะใช้อาหารในปริมาณมาก ๆ และราคาจับต้องได้ หรือสำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขและแมวจำนวนมาก ซึ่งในครั้งนี้จะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำบุญมอบอาหารน้องหมาน้องแมวร่วมกันที่ “มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ( home4animals )” และจะพาไปทำความรู้จักกับ คุณครรชิต  วาพิไล ผู้ช่วยผู้จัดการและเป็นคนดูแลเรื่องการเงิน ที่มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ( home4animals ) ผู้ที่รับผิดชอบการดูแลน้องหมาและน้องแมวทั้งหมด 800 กว่าชีวิต พอเราเดินเข้ามาที่มูลนิธิ จะมีพี่ ๆ เจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น สถานที่สงบ และยังมีคาเฟ่อยู่ด้านหน้าของมูลนิธิอีกด้วย สำหรับใครที่เป็นสายคาเฟ่แมวต้องถูกใจแน่ๆ เพราะทางมูลนิธิจัดห้องน้องแมวไว้ให้เข้าไปได้เล่นกับน้องๆได้ แต่คาเฟ่จะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นนะ สำหรับใครที่หาที่พักผ่อนอยู่ก็สามารถเข้ามาได้เลย แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปหาน้อง ๆ ด้านในที่พัก ก็ขอทำการมอบ Pro อาหารสำหรับสุนัขและแมว ให้กับทางมูลนิธิกันก่อน ซึ่งทางเราได้รับเกียรติจาก คุณวรัญรัชต์  อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) เป็นผู้มอบให้กับทางมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการในครั้งนี้คุณวรัญรัชต์  อัสสานุพงศ์ ได้บอกว่า “จุดเริ่มต้นของเราก็คือเริ่มมาจากการทำอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกระดับพรีเมี่ยม พอวันนึงเราได้ประสบความสำเร็จในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกแล้ว เราต้องหันมามองภายในบ้านเราด้วย ว่าในบ้านของเราก็ยังมีน้องหมาน้องแมว ที่เขายังได้รับสารอาหารที่ไม่ถูกต้องอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีกำลังจะซัพพอร์ตอาหารในราคาแพง ๆ ได้ เราจึงมีเจตจํานงที่จะผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขและแมวในปริมาณมาก หรือผู้เลี้ยงมีกำลังทรัพย์ไม่มากพอ แต่ว่าเรามีความต้องการที่จะให้น้อง ๆ ได้รับคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วน ตามมาตราฐานของ AAFCO ในราคาที่คนเลี้ยงสามารถจับต้องได้ค่ะ”พอทำการมอบอาหารเป็นอันเสร็จสิ้น ทางเราก็ได้เข้าไปเยี่ยมชมน้อง ๆ ที่อยู่ในมูลนิธิ โดยมีคุณครรชิต พาเดินรอบ ๆ คุณครรชิต เล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มอยู่ที่ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี แต่ได้มีผู้ใจบุญมอบพื้นที่ ที่ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีให้ เนื้อที่กว่า 200 ตารางวา ทำให้ทางมูลนิธิได้ย้ายน้อง ๆ มาอยู่ที่ปากเกร็ด นนทบุรี และได้มีหนังสือพิมพ์มาทำข่าวจนเป็นที่รู้จัก และได้ทราบไปถึงหลวงตามหาบัว ท่านจึงเดินทางมาหาดูด้วยตัวเอง และทำการบริจารปัจจัย 100,000 บาทต่อเดือน ซื้อที่ดินให้อีก 1 แปลง และยังทำการสั่งให้สร้างตึก เพื่อให้สัตว์พิการได้มีอยู่อาศัย นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์พิการ ( ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ) จนถึงปัจจุบันนี้ที่มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการยังมีโครงการที่น่าสนใจอีก 3 โครงการโครงการน้องหมาหาบ้าน โครงการวันละบาทต่อชีวิตหมาแมว  โครงการหนูอยากมีพ่อแม่“จริง ๆ ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นมูลนิธิเอกชน เราสร้างขึ้นเพื่อที่ต้องการจะแบ่งเบาภาระสังคมครับ โดยการให้หมาแมวที่ไม่มีที่อยู่ ให้เขาได้มีที่อยู่อาศัย มีสุขลักษณะที่ดี พอได้เห็นว่าเขาช่วยเหลือตัวเองได้ เขาได้มีเพื่อน ได้มีบ้านที่อบอุ่น เราก็รู้สึกภูมิใจมากครับ” ตอนผู้เขียนได้ฟังที่ คุณครรชิต  วาพิไล สัมภาษณ์ก็รู้สึกได้ถึง ความตั้งใจ และความภูมิใจเป็นอย่างมาก คุณครรชิต  วาพิไล เล่าให้ฟังว่า “ทุกอย่างที่พวกเราเห็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านของน้องหมาน้องแมว หรืออาหารต่าง ๆ ล้วนมาจากการบริจาคของผู้ใจบุญทั้งหมด เราทำให้ทุกคนได้เห็นว่าเงินทุกบาทของผู้ใจบุญทุกคน ได้ใช้ประโยชน์ทั้งหมดครับ” และคุณครรชิต  ก็อยากจะฝากถึงคนที่จะเริ่มเลี้ยงน้องหมาน้องแมวหรือเริ่มที่จะรับเลี้ยง “ต้องขอบอกก่อน ไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวอะครับ เราจะต้องศึกษาสายพันธุ์ของพวกเขาก่อน เพราะว่าสัตว์ทุกชนิดเขาก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกับมนุษย์เรานิแหละครับ ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะเอาเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราแล้ว ก็อยากจะบอกว่าเวลาเขาป่วยหรือบาดเจ็บ เราก็ต้องพาเขาไปหาหมอ ไม่ใช่ว่าเขาไม่น่ารักเหมือนตอนแรกแล้วเอาเขาไปปล่อยข้างถนน มันไม่ถูกต้องนะครับ เพราะว่าเขาก็มีหัวใจเหมือนกับพวกเราครับ”
21 Feb 2023
มรดกไทยที่ยังมีลมหายใจ “แมวไทยโบราณ”
ขอเครดิตฟรีหน่อยครับสมัครปุ๊บรับปั๊บไม่ต้องฝากใครจะไปคิดล่ะครับ ว่าบ้านหลังน้อยที่อยู่ท้ายซอยเติมทรัพย์ จะเป็นที่อนุรักษ์หรือจุดรวมของเหล่าบรรดาแมวไทยแท้โบราณทั้งหลาย‘แมวไทย’ เป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน และยังสร้างชื่อให้ต่างประเทศรู้จักประเทศไทยมากขึ้นอย่าง ‘วิเชียรมาศ’ แต่ทุกวันนี้แมวไทยกลับมีจำนวนที่น้อยลงอย่างน่าตกใจ ท่ามกลางสถานการณ์ที่แมวไทยแท้กำลังจะสูญหาย คุณลุงท่านหนึ่ง กลับเป็นผู้ที่สามารถเพิ่มจำนวนและรักษาพันธุ์แมวไทยโบราณไว้ได้ วันนี้ Pet Hipster ได้รับเกียรติจาก ‘คุณลุงปรีชา วัฒนา’ ผู้อนุรักษ์แมวไทยโบราณ ที่จะมาเล่าถึงจุดเริ่มต้นหรือแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนี้จากจุดเริ่มต้นโดยแมวจรตัวหนึ่งที่เดินบนกำแพงที่บ้าน เวลาที่คุณลุงปรีชาเจอก็จะไล่ให้ไปพ้นๆ แต่มีอยู่วันหนึ่ง คุณลุงเดินออกจากห้องน้ำ แล้วเจ้าแมวตัวที่เคยเจอบนกำแพงก็มาล้มตัวลงใส่ที่หลังเท้า คุณลุงบอกว่า “นั่นเป็นวันแรกเลยที่ได้สัมผัสตัวแมว” สิ่งที่ทำให้คุณลุงโดนน้องแมวไทยตกเข้าเต็มๆ ก็คือนิสัยที่น่ารัก ชอบคลอเคลีย จากนั้นคุณลุงก็เริ่มชวนเขามาอยู่ที่บ้านด้วย “ในเมื่อเขาอยากจะอยู่ งั้นก็ให้เขาอยู่ เรามาอยู่ด้วยกันนะ” เป็นจุดเริ่มต้นจากความรักความเอ็นดูมาเป็นอันดับแรก จากนั้นคุณลุงก็เริ่มที่จะสนใจเรื่องของแมว จนแมวตัวแรกที่คุณลุงได้เลี้ยงคือ ‘แมววิเชียรมาศ’ เพศเมีย และเกิดความคิดอยากสืบทอดพันธุ์แมวไทยให้คงอยู่ต่อไป “ในเมื่ออาหารแมว ทรายแมวยังขายได้ ทำไมลูกแมวจะขายไม่ได้”คุณลุงจึงเริ่มศึกษาการเพาะพันธุ์แมวไทยจนกลายเป็นธุรกิจที่มาพร้อมกับการอนุรักษ์ควบคู่กันไปด้วย จากนั้นจึงเริ่มหาน้องแมวสายพันธุ์อื่น ๆ เพื่อที่จะมาเพาะพันธุ์ต่อ จนไปได้ยินเรื่องราวของ ‘แมวศุภลักษณ์’ เป็นเรื่องแปลกที่คุณลุงเคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ไม่เคยคิดจะหามาเลี้ยง เพราะแมวศุภลักษณ์นั้น คุณลุงไม่เคยเห็นและหาที่ไหนไม่ได้เลย แต่วันดีคืนดีก็มีนักศึกษาชาวต่างชาตินำแมวศุภลักษณ์เพศผู้มาหาและขอให้คุณลุงช่วยเพาะพันธุ์แมวหน้าตาแบบนี้ได้ไหม จากนั้นคุณลุงก็เริ่มไปหาแมวตัวเมียที่มีลักษณะใกล้เคียงกับแมวศุภลักษณ์ในตำราโบราณ จนเกิดเป็นความสนใจและศึกษาต่อ  “ผมค่อนข้างผิดหวังกับแมวศุภลักษณ์ถึง 4 แม่ เพราะออกมาเป็นสีดำหมด” พอเราได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกได้ว่าคุณลุงไม่ได้พูดเพราะเหนื่อย แต่พูดด้วยความรู้สึกที่ไม่ย่อท้อและเต็มไปด้วยความหวัง การเพาะพันธุ์แมวศุภลักษณ์ให้ได้ลักษณะตรงตามตำราโบราณใช้เวลานานถึง 5 ปี เรียกได้ว่าคุณลุงสามารถทำให้สายพันธุ์ของแมวศุภลักษณ์ คืนชีพได้เลย ซึ่งระยะเวลาที่คุณลุงอนุรักษ์แมวไทยโบราณนี้ก็นับได้ประมาณ 40 ปีขึ้นไปแล้ว ถ้าไม่รักจริงคงไม่ทำแน่นอน“ภูมิใจมากครับ ที่ได้ทำในสิ่งที่คนโบราณเขาได้ทำกันไว้ ยังรักษากันไว้ได้จนมาถึงรุ่นเรา ผมยังรักษาเขาไว้ได้ครบทุกสายพันธุ์ ผมถือว่าภูมิใจมาก หลายคนอาจมองข้าม แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ควรอนุรักษ์เอาไว้ให้ได้ ” สำหรับใครที่สนใจจะเลี้ยงแมวหรือสนใจจะเพาะพันธุ์น้องแมวไทย คุณลุงก็ยินดีที่จะให้ความรู้และข้อมูลต่าง ๆ ด้วยนะครับ ซึ่งทั้งหมดนี้คงเกิดจากความตั้งใจที่จะอนุรักษ์อย่างแท้จริงของคุณลุง เพื่อให้ยังมี ‘แมวไทยโบราณ’ ที่อยู่คู่คนไทยไปอีกยาวนานทั้งในปัจจุบันและอนาคตContact:Website : www.แมวไทย.comFacebook Page : แมวไทย.com แมววิเชียรมาศ แมวโคราช แมวขาวมณี แมวศุภลักษณ์Line : Preecha92 โทร : 089-6156696
07 Feb 2023
anima ผลงานสะท้อนความรู้สึกแต่ฝังลึกในความทรงจำ โดยเนียม มะวรคนอง
Pet & Hipster Talk ฉบับนี้ อยากจะพาทุกคนไปชมภาพวาดสัตว์มากหน้าหลายตาที่แอบอยู่ตามส่วนต่างๆ ของบ้าน โดยการรังสรรค์ผลงานจากคุณเนียม มะวรคนอง ศิลปินที่วาดภาพโดยใช้ความรู้สึก ณ ช่วงเวลาขณะนั้น พร้อมกันกับพาไปรู้จักและพูดคุยกับคุณเนียมให้มากขึ้นจุดเริ่มต้นที่ชอบงานศิลปะถ้าถามว่าเป็นพรสวรรค์หรือพรแสวงไม่แน่ใจเลย เพราะเราเริ่มจากการชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆ และได้มีโอกาสเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดบ้างมองงานศิลปะของตัวเองเป็นแบบไหนงานของเราจะเป็นงานจากภายในไปสู่ภายนอกมากกว่า ส่วนใหญ่จะวาดภาพจากความคาใจ ความทุกข์ ความรู้สึกของตัวเอง จะไม่ค่อยสะท้อนสังคมสักเท่าไหร่นักคิดว่าข้อจำกัดทางด้านร่างกายของตัวเองมีผลต่องานไหมในช่วงเรียนจะมีปัญหากับอาจารย์มากกว่า (หัวเราะ) เพราะเราแยกโทนสีน้ำเงินกับสีม่วงไม่ค่อยออกเลยแก้ปัญหาด้วยการเพ้นท์สีแบบโมโนโทนไป พอช่วงทำงานเลยใช้สีแบบตามใจมากขึ้นและเราก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นข้อจำกัดแล้ว มองว่าเป็นข้อดีด้วยซ้ำ พอเห็นสีน้อยกว่าคนอื่นทำให้เราไปละเอียดอ่อนในเรื่องแสง เรื่องเงามากขึ้น เรามองให้มันเป็นพรมากกว่ามองเป็นข้อจำกัดแรงบันดาลใจของผลงานชุด ‘anima’เรานึกถึงคำว่า animal ที่ตัดตัว l ออกไป พอตัดออกแล้วรู้สึกว่ามันน้อยและสวย จริงๆ คำนี้แปลว่าชีวิต วิญญาณด้วย เข้ากับสัตว์ที่วาดและด้วยเสียงที่ใช้ออกคำว่า anima มันดูอ่อนโยน ก็เลยชอบคำนี้ทำไมสัตว์ในภาพถึงต้องแอบอยากสื่อถึงว่าสัตว์ที่ปรากฎในภาพไม่ใช่สัตว์จริงๆ แต่เป็นเหมือนวิญญาณที่ใช้แทนความรู้สึก เวลาเข้าบ้านใหม่ เจอที่โล่งๆ จะมีความกลัว ความกังวล เปรียบเหมือนผืนผ้าใบว่างๆ ที่ทำให้เกิดจินตนาการและสะท้อนความรู้สึกออกมา คล้ายกับแมวเวลากลัวสถานที่ใหม่ๆ มันก็จะชอบไปแอบ เดินแบบระแวดระวังได้เจาะจงสัตว์ที่จะวาดในแต่ละภาพไหมจริงๆ ไม่ได้กำหนดเลย เราจะนั่งสังเกตแต่ละห้องก่อนแล้วค่อยเริ่มวาด อย่างภาพห้องน้ำไม่ได้คิดแต่แรกว่าจะเป็นฉลาม พอเห็นแล้วนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เล่นน้ำในอ่างน้ำ นึกถึงทะเลก็เลยวาดฉลาม แต่ละห้องที่เห็นให้ความรู้สึกแบบไหนโผล่ขึ้นมาเราก็จะวาดอันนั้นใช้ระยะเวลาในการวาดผลงานชุดนี้นานเท่าไหร่ทั้งหมดประมาณ 2 ปี บางภาพก็ใช้เวลาไม่นาน อย่างภาพบานประตูนั้นใช้เวลาสัปดาห์เดียว ภาพนกเค้าแมววาดอยู่เดือนนึง ภาพปลาวาฬวาดอยู่สองเดือน ที่นานเพราะแก้เยอะ กว่าจะมาเป็นปลาวาฬก็มีสัตว์มาแล้วหลายตัว ความทรงจำรูปนี้เราจะวาดเกี่ยวกับพ่อที่จากไป ตอนวาดเสร็จรู้สึกว่ายังสื่ออารมณ์ไม่ดีพอ เลยเปลี่ยนมาเรื่อยๆ จนเป็นปลาวาฬถึงโอเค เป็นหนึ่งในรูปที่เราชอบที่สุด อีกภาพคือภาพนกเค้าแมว อยากเอาไปติดที่บ้านเอง (หัวเราะ)บางภาพทำไมถึงกลับหัวอยากให้มุมมองมันแปลก เหมือนกับเวลาที่รู้สึกแปลกกับสถานที่ อยากจะสื่อถึงว่าตัวเรายังไม่คุ้นกับสถานที่ ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกับบ้าน พอได้ลองวาดกลับหัวเหมือนได้เห็นจินตนาการใหม่ๆ ในสถานที่เดิม เป็นการเล่นสนุกไปเรื่อย ไม่ได้คิดเยอะเลย (ยิ้ม)สังเกตว่าผลงานมีหมีขาวค่อนข้างเยอะข้อแรกเพราะอยากสื่อถึงวิญญาณสีขาว อีกอย่างนึงสีขาวแทนความบริสุทธิ์ได้และเรารู้สึกว่าภาวะโลกร้อนในปัจจุบันทำให้หมีไม่มีที่อยู่ มันเชื่อมโยงคล้ายกับเราตรงที่ต้องพรากจากบ้านเก่ามาอยู่บ้านใหม่เคยเลี้ยงสัตว์บ้างไหมเคยเลี้ยงแมว แต่ตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว เลี้ยงมา 18 ปีเลยและเคยวาดแมวที่เลี้ยงบ้างไหมเคยวาดในผลงานชุดแมว จะเป็นแมวล้วนๆคิดยังไงกับการทำงานศิลปะในยุคนี้เราคิดว่ายุคสมัยก่อนยากตรงที่ศิลปินค่อนข้างน้อย คนสะสมงานน้อย ยุคนี้ศิลปินเยอะ คนสะสมงานเยอะขึ้น จะมีความแข่งขันสูงก็จะยากอีกแบบหนึ่ง ในยุคนี้จะง่ายตรงที่เราสามารถไปแสดงงานเมืองนอกได้ สำหรับเราทำงานศิลปะมาตลอดก็จริง แต่กว่าจะขายงานได้ใช้เวลา 10 ปี ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าลำบากและเลิกล้ม แต่เรารู้สึกว่ามันเลี้ยงความสุขและจิตใจของเราได้ ทำให้เราทำอยู่ได้แม้ไม่ได้ตังค์ (ยิ้ม)ในอนาคตมีแพลนอย่างไรต่อไม่ได้กำหนดตายตัวเพราะงานแต่ละชุดจะทำตามชีวิตช่วงนั้น ส่วนช่วงนี้อยู่แต่บ้าน ความอยู่แต่บ้านนานๆ ก็จะเป็นผลงานชุดต่อไป (หัวเราะ) ติดตามผลงานได้ที่ IG: niam_al    
25 Jan 2023
ตัวตนที่โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ ‘Moochie’ แบรนด์อาหารที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันเทรนด์สัตว์เลี้ยงกำลังมาแรงและกำลังแซงทางโค้งเทรนด์อื่น ๆ ขึ้นมา อาจจะเพราะยุคสมัยนี้คนเริ่มนิยมมีลูกกันน้อยลง รวมถึงเริ่มพักอาศัยอยู่คอนโดกันมากขึ้น การมีน้องหมาน้องแมวสักตัวสองตัวไว้คอยเป็นเพื่อนยามเหงาจึงเป็นไอเดียที่ดีทีเดียว และสิ่งที่หลายคนมองหามาเป็นอันดับหนึ่งคงหนีไม่พ้นเรื่องของ ‘อาหาร’ ปัจจัยหลักที่ให้ทั้งความอร่อยและความสุขแก่พวกเขา วันนี้คอลัมน์ Inspiration จึงอยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับตัวตนของ Moochie แบรนด์อาหารน้องหมาน้องแมวสีสันสดใสที่จะมาตีตลาดในใจของทุกคนให้มากขึ้น โดยการพูดคุยกับคุณจ๋า ณัฐชยา ชิ้นปิ่นเกลียว ตำแหน่ง Business Development ถึงแรงบันดาลใจกว่าจะมาเป็น Moochie กันจุดเริ่มต้นจากการที่บ้านเลี้ยงสัตว์และตัวคุณจ๋ารักสัตว์มาตั้งแต่เด็ก ๆ รวมถึงสนใจในไอเทมเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือขนมก็ตาม จึงทำให้เริ่มสนใจที่จะทำแบรนด์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงขึ้นมา นอกจากนี้ด้วยความที่มีทีมพัฒนาและทีมวิจัยพร้อม บวกกับไอเดียใหม่ ๆ ที่คอยเสริมเพิ่มเติมตลอด แบรนด์ Moochie จึงเกิดขึ้นมาไม่ยาก      ตัวตนที่ชัดเจน        ด้วยคียเวิร์ดหลักสามคำอย่าง Young, Trendy และ Sincerity ของ Moochie ส่งผลให้ตัวตนที่อยากจะสื่อออกมาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะความสนุก สดใส รวมถึงการอัพเดทเทรนด์ตลอดเวลา และด้วยคำว่า Sincerity ทำให้ส่วนนี้โปร่งใสและซื่อตรงกับผู้บริโภค ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง“ซื่อตรงกับผู้บริโภค ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง”     จากความชื่นชอบส่งผลต่อการมองหาสิ่งใหม่ ๆ มาอัพเดทในแบรนด์อยู่เสมอ และไม่หยุดที่จะมองหารสชาติใหม่ ๆ ที่จะนำมาปรับให้เข้ากับอาหารของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น      ความแตกต่างที่เป็นจุดเด่น        จุดเด่นที่แตกต่างอย่างการปรับรสชาติใหม่ ๆ ให้มีมากขึ้นโดยล้อไปกับ Human Trend หรือไม่ว่าจะเป็นอาหาร Complete and Balance รวมถึงขนมก็มีให้เลือกสรรอีกเยอะ วิตามินก็มีเสริมสำหรับบ้านไหนที่ต้องการส่วนนี้เพิ่มเติม รวมถึงทางแบรนด์เองยังมีคุณหมอด้านโภชนาการอาหารโดยตรงมาร่วมพัฒนาสูตรด้วย นับว่าเป็นแบรนด์ Global Standard ที่มีสินค้าวางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ      นอกจากนี้การออกแบบซองยังมีเอกลักษณ์ชัดเจน ด้วยคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง สีสันที่สดใสหรือจะเป็นการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ เช่น ขนมแมวเลีย ที่มีการนำภาพนิทานใส่ลงไปด้วย ถือว่าเป็นจุดเด่นของ Moochie ได้เลย      เป้าหมายต่อไป        ปัจจุบันสินค้า Moochie มีวางจำหน่ายกว่า 20 ประเทศ เป้าหมายที่มองต่อมาคือการวางจำหน่ายเพิ่มเป็น 30-40 ประเทศทั่วโลก รวมถึงอยากจะวางแบรนด์ให้เป็นผู้นำด้าน Innovation และถูกยอมรับใน Pet Industry ทั่วโลก       สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คุณจ๋าได้ฝากคำแนะนำสำหรับมือใหม่ที่กำลังเข้าสู่วงการสัตว์เลี้ยงอย่างเต็มตัว ถึงความใส่ใจในเรื่องของสุขภาพและวิธีการเลี้ยงดู ซึ่งทาง Moochie เองยังมี Moochie club ที่มีมากกว่าการให้ความรู้หรืออาหาร แต่ยังมีเสื้อผ้า ของใช้ของคนเอง รวมถึง Moochie ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Pet Community ที่สนับสนุนข้อมูลด้านการเลี้ยงสัตว์ การให้อาหารอย่างถูกวิธี จะเห็นได้จากด้านหลังของซองยังมี Daily feeding หรือคำแนะนำในการให้อาหารสำหรับน้ำหนักสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวไว้ให้ด้วย เรียกได้ว่าครบทั้งข้อมูลโภชนาการ ความใส่ใจและความอร่อยในซองเดียว
24 Jan 2023
พาดูฟาร์มแมว “Going Merry Scottish Fold”
เชื่อว่าฟาร์มเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก ไม่ว่าทั้งคนและสัตว์ Pet Hipster ฉบับนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับฟาร์มแมว “Going Merry Scottish Fold” ฟาร์มน้องแมว สายพันธุ์ สก๊อตทิช โฟลด์ ที่น่ารักมาก ๆ กับคุณ ปิ๊ก เจ้าของฟาร์มจุดเริ่มต้นของ Going Merry Scottish Fold เป็นมายังไง?เริ่มจากเราซื้อแมวมาเลี้ยงก่อนครับ และรู้สึกว่าน้องจะเหงา ผมเลยเริ่มที่จะซื้อตัวที่สอง หลังจากนั้นตัวสามตัวสี่ก็งอกเพิ่มมาเรื่อยๆครับ ต่อมาก็คือ พอเราเริ่มเพาะพันธุ์ เราก็เริ่มอยากที่จะเห็นลูกเห็นหลาน เลยตัดสินใจที่จะเปิดฟาร์มครับอยากให้เล่าถึง การที่เริ่มรักสัตว์ หรือเริ่มรักแมว?ตอนแรกผมกับภรรยา เราไม่มีลูกพอไม่มีลูกเราสองคนเลยตัดสินใจ มองหาสัตว์เลี้ยงสักตัว เราก็เลยตัดสินใจเป็นแมว เพราะชอบแมวอยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นเราก็ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เลยเห็นแมวพันธุ์ Scottish Fold ที่แปลก เพราะมีหูที่พับลงสนิท มันเลยทำให้หน้าของเขาดูกลม น่ารัก ทำให้นึกถึงการ์ตูน โดเรม่อน เราสองคนเลยชอบจุดเด่นและนิสัยของน้อง Scottish Fold   น้องเป็นแมวที่ร่าเริง ซน ขนาดตัวของน้องก็จะไม่ได้ตัวใหญ่มาก เป็นแมวไซส์กลางๆ เอกลักษณ์เลยก็คงไม่พ้นความซน ความกวนแต่ที่เราใส่ใจเขาก็คือ การดูแล การให้อาหาร ให้กินอาหารที่ดี ที่ฟาร์มจะให้เป็นอาหารเกรนฟรี คือจะไม่มีส่วนผสมของธัญพืช ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือ ขนร่วง ตอนนี้ที่ฟาร์มจะใช้ของ Jinny More เกรนฟรีอย่างเดียว จุดเด่นของเขาคือ แมวชอบกิน และปัญหาเรื่องขนหลุดร่วงแทบจะไม่มีเลย ก่อนหน้านี้มีบ้างที่น้องขนร่วง แต่พอเปลี่ยนมาทาน Jinny More แล้วขนร่วงน้อยลงไม่ว่าจะเป็นตอนอุ้ม ที่เสื้อก็ไม่ค่อยมีขนน้องมาติด และอาหารเขามีโปรตีนสูง และเป็นโปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อปลาทะเล และไก่ เนื้อเน้น ๆ ไม่มีผลพลอยได้จากสัตว์ และราคาน่ารักมาก ที่มาของ Going Merry มาได้ยังไงชอบการ์ตูนครับ มาจากการ์ตูน (ขำ) เรื่องวันพีช เลยเอามาตั้งเป็นชื่อฟาร์มครับ และถ้าใครสนใจน้องแมวสายพันธุ์ Scottish Fold ก็สามารถติดต่อมาทางเพจ Going Merry Scottish Fold ได้เลยครับ
23 Jan 2023
บ้านอันแสนอบอุ่นกับ Private Pet Community ที่ Hato Pet Wellness Center
Pet Hipster จะพามารู้จัก “สุพพัต ปิยะชัยวุฒิ” (หมอม่อน) ผู้สร้าง บ้านอันแสนอบอุ่น  Private Pet Community แห่งนี้ที่ “Hato Home”“จุดเริ่มต้นของ Hato Pet Wellness     หมอม่อน : ตอนสมัยเรียนสัตวแพทย์ ผมได้มีโอกาสฝึกงานที่โรงพยาบาลสัตว์ ได้เจอน้องสัตว์ป่วยเต็มไปหมด จนเราเกิดคำถามขึ้นมาว่า ในฐานะสัตวแพทย์ท่านหนึ่ง เราสามารถสร้างบริการแบบไหนได้บ้างที่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยไม่ต้องรอให้หมาแมวป่วยก่อน จึงทำการรักษา      หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมเวลาพาสัตว์เลี้ยงไปโรงพยาบาลสัตว์ถึงมีค่าใช้จ่ายสูงนัก ในฐานะสัตวแพทย์คงตอบคำถามนี้ได้ไม่ยาก เพราะหลายๆ ครั้งเจ้าของสัตว์รอจนน้องๆ มีปัญหาหนักแล้ว จึงพามาหาคุณหมอ เราเลยเกิดความคิดขึ้นว่าเราอยากสร้างบริการแบบใหม่ที่เราได้กลับไปแก้ที่จุดเริ่มต้นของปัญหาและหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญเลยคือความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงสัตว์     บางทีคนที่เลี้ยงสัตว์อาจจะไม่ทราบและไม่เข้าใจในเรื่องการเลี้ยงดูรวมถึงความรู้เรื่องโรคต่างๆ ทำให้การแก้ปัญหาเกิดช้าเกินไป ถ้าเราเข้าไปเน้นย้ำเรื่อง Preventive Medicine เน้นการป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคต่าง ๆ สร้างพื้นฐานของความรู้ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ถูกต้องน่าจะทำให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงเกิดเป็นการสร้างธุรกิจ Hato Pet Wellness Center ซึ่งเล็งเห็นโอกาสในการบุกเบิกตลาดใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการด้านการยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง      ในวันที่เราเริ่มทำธุรกิจ ด้วยความที่ Pet Wellness เป็นสิ่งใหม่ มันค่อนข้างยากนิดนึงว่าเราจะทำธุรกิจแบบไหน ซึ่งในประเทศไทยบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เราเห็นได้ชัดมี 2 แบบ แบบแรกคือโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิก แบบที่สองคือร้านอาบน้ำตัดขน     ในอดีตคำว่า Wellness Center ไม่ค่อยเป็นที่นิยม คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจความหมายของ  Wellness แต่ปัจจุบันกระแสเรื่อง Wellness มีความนิยมอย่างมากทั้งในคนและในสัตว์ ตอนเราเริ่มธุรกิจนี้ เราตั้งคำถามว่าเราจะให้ความรู้เจ้าของสัตว์ได้อย่างไร เราสามารถทำอย่างไรที่จะส่งมอบบริการที่ทำให้คุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงดีขึ้น เราจะทำอย่างไรให้น้องหมาน้องแมวไม่ป่วยและไปโรงพยาบาลน้อยลง มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงตลอดอายุขัยของเค้า     หมอม่อน: ปัจจัยเหล่านี้เลยทำให้เราพัฒนาบริการของ HATO โดยที่ออกแบบบริการ ที่อยู่ระหว่างโรงพยาบาลสัตว์กับ Grooming จนกลายเป็น  Pet Wellness Center รูปแบบบริการของเราคือ การตรวจร่างกายสัตว์เลี้ยงทุกตัวโดยสัตวแพทย์ก่อนที่จะเข้ารับบริการอาบน้ำหรือว่าสปา เพราะเราเชื่อว่าความถี่ของการมาใช้บริการอาบน้ำนั้นสูงกว่าการมาพบสัตวแพทย์ การตรวจร่างกายทุกครั้งรวมถึงการซักประวัติอย่างละเอียดก่อนอาบน้ำ จะช่วยให้เราเจอโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพได้เร็วกว่าการที่น้องเริ่มมีอาการแล้วไปพบคุณหมอ โดยทั่วไปความถี่ของการไปโรงพยาบาลของสัตว์นั้นประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี แต่การอาบน้ำนั้นเดือนละ 2-4 ครั้ง ทำให้สัตว์เลี้ยงมีโอกาสได้พบคุณหมอทุกอาทิตย์หรือทุกเดือน ซึ่งการตรวจร่างกายอย่างละเอียดนี้เรารวมไปในค่าใช้บริการแล้ว HATO นั้นมีที่มาจากคำว่า Heart แล้วเติม O เข้าไปให้ดูเหมือนเป็นแบรนด์ที่มีวัฒนธรรมจากญี่ปุ่น เพราะเราอยากส่งมอบความรักสู่สัตว์เลี้ยง ผ่านมาตรฐานการบริการแบบญี่ปุ่น เราอยากเห็นคนดูแลสัตว์ได้ดีขึ้น สังคมคนรักสัตว์โตขึ้น สัตว์เลี้ยงบนโลกมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีเวลาเราพาสัตว์เลี้ยงไป Grooming คงอยากเลือกร้านที่ทำทุกอย่างให้น้องๆ หอมที่สุดหรือตัดขนได้สวยที่สุด แต่ HATO เรามองว่าทำยังไงให้น้องหมาน้องแมวเครียดน้อยที่สุดและก็มีความสุขที่สุดกับบริการรูปแบบนี้ หมาแมวหลายตัวไม่ชอบอาบน้ำ ทำยังไงให้บริการนี้มีความสุขมากขึ้น HATO เลยเข้ามาส่งมอบเรื่องนี้ ผ่านพนักงานที่มีความรักสัตว์และรักในงานบริการ รวมถึงก่อนเข้ารับการบริการที่เราจะมีคุณหมอให้ความรู้ 10-15 นาทีเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์อย่างถูกวิธีหรือตรวจร่างกายสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น ตั้งแต่หัวจรดหาง“ภาพรวม Journey จนถึงปัจจุบันที่มี 5 สาขา”     หมอม่อน: ต้องบอกว่าวันแรกที่เราเริ่มต้น เราพยายามส่งมอบบริการที่แตกต่างให้กับท้องตลาด ซึ่งขณะนั้น Pet Wellness ยังไม่ได้แพร่หลายในประเทศไทย การที่เราเริ่มทำสาขาแรกที่สุขุมวิท ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี เพราะว่าเป็นบริการรูปแบบใหม่ในท้องตลาด หลังจากนั้นก็เริ่มขยายสาขาเพิ่มขึ้น ธุรกิจของ HATO แบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกคือฝั่ง Service โดยบริการของเรามีทั้งหมด 5 สาขา ส่วนที่สองคือ ผลิตภัณฑ์ ตอนนี้มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่เรานำเข้าบ้าง ผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตในไทยบ้าง ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ของ HATOวิธีคิดแบบ HATO     การยกคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง มันไม่ได้อยู่แค่บริการเท่านั้น แต่รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งเวลาอยู่ที่บ้านเค้ายังได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ HATO เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่บ้านให้ดีขึ้นได้ ทำไมเราถึงมี 5 สาขา ต้องบอกว่าตัว Service เราแบ่งเป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ รูปแบบแรกคือ Hato Pet Wellness Center ให้บริการคลินิกและบริการอาบน้ำ สปารูปแบบที่สอง Hato Cat Wellness Center ให้บริการเฉพาะแมวอย่างเดียว เพราะว่าปีนี้ตลาดของแมวโตขึ้นมาก เราเอา Pain Point จากประสบการณ์ในการทำร้าน 3 สาขาแรก “ต่อให้เราบริการดีแค่ไหน แมวก็ยังเครียดครับ เพราะว่ากลิ่น เสียง บางทีน้องหมาเห่าและแมวก็ไวกับกลิ่นบางทีเจอกลิ่นหมาที่เราทำความสะอาดดีแค่ไหนก็มีกลิ่นหมาหลงเหลืออยู่ เลยทำให้เราอยากลดความเครียดในตัวน้องแมวด้วยบริการที่เป็นเฉพาะทางน้องแมว โดยดึงเอาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องแมวโดยเฉพาะมาส่งมอบบริการ” และบริการใหม่ล่าสุด HATO HOME เรียกว่าเป็นบ้านของครอบครัว Hato ละกันครับ ส่วนใหญ่ Hato Pet Wellness Center เราจะไปเปิดในห้าง พอเรามาเปิด HATO HOME เอง เราสามารถส่งมอบบริการที่มีทั้งหมด ภายใต้แนวคิดการให้บริการแบบ HATO ไม่ว่าจะเป็นคลินิก โรงแรม สนามหญ้าหรือสระว่ายน้ำ รวมถึง Pet Shop ต่างๆ โดยสินค้าที่เราขายในนี้ เราเลือกมาเองทั้งหมด “แรงบันดาลใจสร้าง HATO HOME”     หมอม่อน: เรามี Hato Pet Wellness Center ในสาขาแรกๆ เราเป็นแค่ส่วนเดียว ของไลฟ์สไตล์ของสัตว์เลี้ยง คือให้บริการอาบน้ำกับคลินิก แต่ชีวิตประจำวันของสัตว์เลี้ยง คำว่า Wellness มันครอบคลุมไปอีกหลายอย่าง เช่น อาหารการกิน กิจกรรมอื่นๆ นอกจากการอาบน้ำ ก็จะมีว่ายน้ำ มีวิ่งเราอยากมีบ้านสักหลัง ซึ่งบ้านหลังนี้ทำงานสองอย่าง อย่างแรก ที่ HATO HOME เป็น Back Office เราด้วย ซึ่งเราอยากให้ทีมงานหลังบ้านเค้าอยู่ในสถานที่ ที่ได้เจอสัตว์ทุกวัน หรืออยู่ในสถานที่ ที่เค้าได้มีความสุขกับ บริการของเราจริงๆ ซึ่งจะทำให้องค์กร มี Passion ในการทำงานบริการด้านสัตว์เลี้ยง ทั้งทีม Operation และ Back office     หมอม่อน: เราจะส่งมอบบริการ ที่เราอยากทำแต่เรายังไม่ได้ทำ ซึ่งเราอยากให้มันเป็น Private Pet Community ซึ่งแตกต่างจากข้างนอก คือที่ Hato home จะมีความเป็นส่วนตัวเพราะเราจะจำกัดปริมาณการเข้า เนื่องจากเราอยากดูแลสัตว์ทุกตัวที่เข้ามาใช้บริการอย่างดีที่สุดจริงๆ ทั่วไปเรารับน้องหมาน้องแมวในช่วงเวลาเปิดบริการ เต็มที่ได้ 20 ตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของ Community สัตว์เลี้ยง“โดยที่เราไม่ได้หวังยอดขายที่สูงที่สุด เราอยากให้ที่ HATO HOME เป็นเมนไอเดียว่าเราอยากส่งมอบบริการที่สร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้าได้ยังไงที่ HATO HOME" โดยที่เราไม่ได้หวังยอดขายที่สูงที่สุดเราอยากให้ที่ HATO HOME เป็นเมนไอเดีย ว่าเราอยากส่งมอบบริการที่สร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้าได้ยังไงที่ HATO HOME”“บ้านอันแสนอบอุ่น” คำนี้มีความหมายอย่างไรกับ หมอม่อน : คือที่นี่เราอยากให้เป็นเหมือนบ้าน ถ้าดูจากการตกแต่ง ที่เราพยายามรักษาโครงสร้างเดิมไว้ เราอยากให้ที่นี่เป็นบ้านหลังหนึ่ง มีความอบอุ่น สบาย เป็นกันเองและรู้ใจ ที่เพื่อนๆ เราสามารถเอาน้องหมาน้องแมวมาให้ HATO ดูแล เราอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านเพื่อนที่มีสระว่ายน้ำ มีสนามหญ้า มีโรงแรมน้องหมาและมีคุณหมอประจำบ้าน ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกว่าเค้าไม่ได้มาสถานที่ที่เป็นเชิงพาณิชย์ ก็เลยนิยามว่าที่นี่คือ HATO Home ที่ที่เป็นเหมือนบ้าน ที่คอยรับรองเพื่อน ๆ HATO Family ของเรา“อยากให้พูดถึงสิ่งที่ Hato Home แตกต่างกว่าที่อื่น”หมอม่อน : ที่นี่ผมคิดว่า “สงบ” ครับ พอมาที่นี่เราได้ยินแต่เสียงนกครับ แทบไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ผ่าน เราคิดว่าเราอยากมี Pet Community ที่เหมาะกับคนที่ไม่ได้ต้องการความวุ่นวายมากครับผมว่า HATO HOME ให้บริการกับคนที่ชอบแบบนั้น ให้บริการแบบทั่วถึง ได้รับบริการที่ดีที่สุด มีการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสัตวแพทย์และทีมงานที่มีประสบการณ์และรักสัตว์ “HATO HOME เป็นต้นแบบ HATO ในยุคใหม่”HATO HOME เราทำมาเพื่ออยากไปต่อในเรื่องของความคิดที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง เราเป็นน้องใหม่ในธุรกิจนี้ เราเพิ่งอยู่ในธุรกิจนี้มาเพียง 3 ปีกว่า เราอยากทดลองว่าการทำโมเดลแบบ Private Pet Community ที่ส่งมอบบริการคุณภาพสูงสุดให้กับลูกค้า เลยเป็นที่มาของ HATO HOME“อะไรคือสิ่งสำคัญที่ Hato Home ให้ความสำคัญต่อสถานที่บริการน้องหมาน้องแมว”หมอม่อน : ผมคิดว่า “เราต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงครับ”เมื่อก่อนเราให้บริการแค่ คลินิกกับกรูมมิ่ง แต่พอมาที่นี่เราทำทุกอย่างครบถ้วนได้ที่ HATO HOME 
23 Jan 2023
แก้ม อักษร จันทรโรจน์วานิช นักธุรกิจสาวสวย กับธุรกิจตุ๊กตาสุดน่ารัก “CARE BEARS”
คอลัมน์ Heart Healer ฉบับนี้จะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับนักธุรกิจสาวสวยรุ่นใหม่ไฟแรง ที่เรียกได้ว่าเธอคนนี้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ความน่ารักความสดใสอย่างตุ๊กตา “Care Bears” ที่ไม่ว่าใครหลาย ๆ คนก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอนPet Hipster ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแก้ม อักษร จันทรโรจน์วานิช ถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจที่เริ่มต้นจากความชอบ และพูดถึงตัวช่วยในการเยียวยาจิตใจของคุณแก้ม จากการทำงานจุดเริ่มต้นที่เข้ามาวงการธุรกิจเริ่มจากการทำแบรนด์รองเท้ากับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแล้วรู้สึกว่าการทำธุรกิจเป็นสิ่งที่เราชอบ รู้สึกหลงรักในธุรกิจ หลังจากนั้นก็ลองหาธุรกิจอื่น ๆ ทำ แต่เรามีความรู้สึกว่าทำไมเราไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็คือตุ๊กตา แล้วเราก็มองว่าตุ๊กตา Care Bears มีคนชอบที่ค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควร ก็เลยลองทำธุรกิจเกี่ยวกับตุ๊กตาดูค่ะ แต่แก้มคิดว่าถ้าเราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในไทยเลยน่าจะดีกว่าเป็นผู้นำเข้า จนตอนนี้แก้มได้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างถูกต้องในไทยค่ะคิดว่าจุดแข็งของตัวเองคืออะไรPasion ค่ะ แก้มค่อนข้างมั่นใจว่าแก้มมี Pasion ต่อเรื่องธุรกิจมาก จนรู้สึกว่าทำให้ตัวเองอยากพยายามหาสิ่งใหม่ ๆ หาโอกาสในด้านธุรกิจให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา แก้มคิดว่า Pasion เป็นสิ่งที่สามารถทำให้แก้มกล้าทำอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตค่ะความยากง่ายในการทำธุรกิจแก้มคิดว่าจริง ๆ แล้วในการทำธุรกิจก็จะมีความยากง่ายที่ต่างกันอยู่พอสมควร ส่วนของธุรกิจ Care Bears คือการดูแลลูกค้า ให้เขากลับมาซื้อสินค้าของเราต่อเรื่อย ๆ เพราะว่าเป็นสินค้าเดิม ก็ต้องทำ Marketing เพื่อดึงลูกค้าอยู่ตลอดเวลา หาอะไรใหม่ ๆ มาให้ลูกค้าอยู่เสมอเพื่อให้ไม่เบื่อปัญหาของธุรกิจปัญหามีเยอะมาก ทุกขั้นตอนเลย ตั้งแต่เริ่มทำ จนของส่งถึงมือลูกค้าเลย วิธีแก้ปัญหาของแก้มก็คือ ค่อย ๆ เรียงลำดับความสำคัญของปัญหาก่อนเลยอันดับแรก เพื่อที่จะให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น ค่อย ๆ แก้ไปทีละเรื่อง จนตอนนี้ก็เริ่มจับทางถูกแล้วว่าเราควรจัดการยังไงเวลามีปัญหา แก้มเชื่อว่าตอนเริ่มต้นทุกอย่างมันจะติด ๆ ขัด ๆ ทุกอย่างมันจะดูไม่เป็นไปตามที่เราหวัง แต่พอเราทำไปได้ประมาณนึง เราจะค้นพบเองว่าเรามาถูกทางไหม หรือเราควรจะจัดการกับปัญหาที่เข้ามายังไง เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะน้องฟอร์เต้ช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาอย่างไรบ้างคือด้วยความที่เราอยู่กับเขามานานมาก จนเราเหมือนรู้ใจกันแล้ว เวลาแก้มรู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึกเหนื่อยจากงาน ก็มีฟอร์เต้นี่แหละที่คอยอยู่ข้าง ๆ แก้ม คือเขาไม่ได้มาแบบเรียกร้องความสนใจ แต่ว่าเขาจะมานั่งข้าง ๆ ถ้าเขาพูดได้ก็คงจะบอกเราว่าฉันจะอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนเธอเองนะ ไม่ว่าเทอจะทำอะไรหรือเป็นอะไร เราจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนซึ่งมันทำให้แก้มมั่นใจได้เลยว่า ฟอร์เต้จะไม่มีวันทิ้งแก้มไปไหนแน่นอนถึงเขาจะไม่ค่อยแสดงออกมากนัก แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับแก้มเรื่องตลกของน้องฟอร์เต้ฟอร์เต้เขาจะเป็นพวกหวงของกินมาก แล้วเขาจะชอบเอาขนมไปซ่อน เอาไปแอบตามซอกเวลาที่เขาอิ่มแล้ว เหมือนจะเก็บไว้กินในครั้งหน้าอะไรแบบนี้ แต่ว่าส่วนมากฟอร์เต้ก็จะลืมตลอดว่าตัวเองเอาขนมมาแอบไว้ ยิ่งถ้าเป็นกระดูกที่ไว้แทะเล่นบางทีก็จะขุดเอาลงไปซ่อนเลยก็มีคิดว่าสัตว์เลี้ยงสามารถเยี่ยวจิตใจได้จริงไหมแก้มว่าได้นะ เพราะว่าสัตว์เลี้ยง ถ้าเราเลี้ยงเขาแล้วเราก็คงมองเขาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ยิ่งถ้าเราเลี้ยงเขามาเป็นเวลานาน อย่างฟอร์เต้ก็เลี้ยงมา10 กว่าปีแล้ว เราก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับเขา คือตอนนี้เรามองเขาเป็นพี่เป็นน้องเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราไปแล้ว เวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ยังมีฟอร์เต้ที่อยู่ข้าง ๆ แก้มเลยคิดว่าสัตว์เลี้ยงสามารถเยี่ยวยาเราในยามที่เรามีปัญหาได้จริง ๆ ค่ะคิดว่าความสำเร็จในชีวิตคืออะไร แล้วตัวเองประสบความสำเร็จหรือยังแก้มคิดว่าตัวเองยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำอยู่ ก็เลยคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จขนาดนั้น และแก้มก็คิดว่าความสำเร็จในชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน สำหรับแก้มมันไม่ได้อยู่ที่ตัวเงินมากมายขนาดนั้น แต่แก้มว่ามันขึ้นอยู่ที่เราหาเงินมาแล้วเอาเงินนั้นไปใช้ประโยชน์ไปใช้สร้างความสุขให้กับครอบครัวและกับตัวเราได้อย่างไรมากกว่า คุณแก้มยังมีสินค้าน่ารัก ๆ อื่นอีกมากมายอาทิเช่น Esther Bunny แล้วก็ปลายปีจะมี BT21 และ Disney อีกด้วย เรียกได้ว่ายกทับความน่ารักมาแบบจัดเต็มเลย*เขาอยู่ข้าง ๆ เราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำอะไรหรือเป็นอะไร เรารับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงจากเขา ว่าเขาไม่ไปไหนแน่นอน ช่องทางการติดต่อธุรกิจIG: carebears_thailandemail: contact@taketoys.co.th, www.taketoys.co.th                ช่องทางติดต่อของคุณแก้มIG: gamaksorn
23 Jan 2023
“anima ผลงานสะท้อนความรู้สึกแต่ฝังลึกในความทรงจำ โดยเนียม มะวรคนอง”
PPet จุดเริ่มต้นที่ชอบงานศิลปะ ถ้าถามว่าเป็นพรสวรรค์หรือพรแสวงไม่แน่ใจเลย เพราะเราเริ่มจากการชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆ และได้มีโอกาสเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดบ้างมองงานศิลปะของตัวเองเป็นแบบไหนงานของเราจะเป็นงานจากภายในไปสู่ภายนอกมากกว่า ส่วนใหญ่จะวาดภาพจากความคาใจ ความทุกข์ ความรู้สึกของตัวเอง จะไม่ค่อยสะท้อนสังคมสักเท่าไหร่นักคิดว่าข้อจำกัดทางด้านร่างกายของตัวเองมีผลต่องานไหม ในช่วงเรียนจะมีปัญหากับอาจารย์มากกว่า (หัวเราะ) เพราะเราแยกโทนสีน้ำเงินกับสีม่วงไม่ค่อยออกเลยแก้ปัญหาด้วยการเพ้นท์สีแบบโมโนโทนไป พอช่วงทำงานเลยใช้สีแบบตามใจมากขึ้นและเราก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นข้อจำกัดแล้ว มองว่าเป็นข้อดีด้วยซ้ำ พอเห็นสีน้อยกว่าคนอื่นทำให้เราไปละเอียดอ่อนในเรื่องแสง เรื่องเงามากขึ้น เรามองให้มันเป็นพรมากกว่ามองเป็นข้อจำกัดแรงบันดาลใจของผลงานชุด ‘anima’เรานึกถึงคำว่า animal ที่ตัดตัว l ออกไป พอตัดออกแล้วรู้สึกว่ามันน้อยและสวย จริงๆ คำนี้แปลว่าชีวิต วิญญาณด้วย เข้ากับสัตว์ที่วาดและด้วยเสียงที่ใช้ออกคำว่า anima มันดูอ่อนโยน ก็เลยชอบคำนี้ แรงบันดาลใจของผลงานชุด ‘anima’ เรานึกถึงคำว่า animal ที่ตัดตัว l ออกไป พอตัดออกแล้วรู้สึกว่ามันน้อยและสวย จริงๆ คำนี้แปลว่าชีวิต วิญญาณด้วย เข้ากับสัตว์ที่วาดและด้วยเสียงที่ใช้ออกคำว่า anima มันดูอ่อนโยน ก็เลยชอบคำนี้ ทำไมสัตว์ในภาพถึงต้องแอบ อยากสื่อถึงว่าสัตว์ที่ปรากฎในภาพไม่ใช่สัตว์จริงๆ แต่เป็นเหมือนวิญญาณที่ใช้แทนความรู้สึก เวลาเข้าบ้านใหม่ เจอที่โล่งๆ จะมีความกลัว ความกังวล เปรียบเหมือนผืนผ้าใบว่างๆ ที่ทำให้เกิดจินตนาการและสะท้อนความรู้สึกออกมา คล้ายกับแมวเวลากลัวสถานที่ใหม่ๆ มันก็จะชอบไปแอบ เดินแบบระแวดระวัง ได้เจาะจงสัตว์ที่จะวาดในแต่ละภาพไหมจริงๆ ไม่ได้กำหนดเลย เราจะนั่งสังเกตแต่ละห้องก่อนแล้วค่อยเริ่มวาด อย่างภาพห้องน้ำไม่ได้คิดแต่แรกว่าจะเป็นฉลาม พอเห็นแล้วนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เล่นน้ำในอ่างน้ำ นึกถึงทะเลก็เลยวาดฉลาม แต่ละห้องที่เห็นให้ความรู้สึกแบบไหนโผล่ขึ้นมาเราก็จะวาดอันนั้นใช้ระยะเวลาในการวาดผลงานชุดนี้นานเท่าไหร่ ทั้งหมดประมาณ 2 ปี บางภาพก็ใช้เวลาไม่นาน อย่างภาพบานประตูนั้นใช้เวลาสัปดาห์เดียว ภาพนกเค้าแมววาดอยู่เดือนนึง ภาพปลาวาฬวาดอยู่สองเดือน ที่นานเพราะแก้เยอะ กว่าจะมาเป็นปลาวาฬก็มีสัตว์มาแล้วหลายตัว ความทรงจำรูปนี้เราจะวาดเกี่ยวกับพ่อที่จากไป ตอนวาดเสร็จรู้สึกว่ายังสื่ออารมณ์ไม่ดีพอ เลยเปลี่ยนมาเรื่อยๆ จนเป็นปลาวาฬถึงโอเค เป็นหนึ่งในรูปที่เราชอบที่สุด อีกภาพคือภาพนกเค้าแมว อยากเอาไปติดที่บ้านเอง(หัวเราะ)บางภาพทำไมถึงกลับหัวอยากให้มุมมองมันแปลก เหมือนกับเวลาที่รู้สึกแปลกกับสถานที่ อยากจะสื่อถึงว่าตัวเรายังไม่คุ้นกับสถานที่ ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกับบ้าน พอได้ลองวาดกลับหัวเหมือนได้เห็นจินตนาการใหม่ๆ ในสถานที่เดิม เป็นการเล่นสนุกไปเรื่อย ไม่ได้คิดเยอะเลย (ยิ้ม)สังเกตว่าผลงานมีหมีขาวค่อนข้างเยอะข้อแรกเพราะอยากสื่อถึงวิญญาณสีขาว อีกอย่างนึงสีขาวแทนความบริสุทธิ์ได้และเรารู้สึกว่าภาวะโลกร้อนในปัจจุบันทำให้หมีไม่มีที่อยู่ มันเชื่อมโยงคล้ายกับเราตรงที่ต้องพรากจากบ้านเก่ามาอยู่บ้านใหม่เคยเลี้ยงสัตว์บ้างไหมเคยเลี้ยงแมว แต่ตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว เลี้ยงมา 18 ปีเลยและเคยวาดแมวที่เลี้ยงบ้างไหมเคยวาดในผลงานชุดแมว จะเป็นแมวล้วนๆ  คิดยังไงกับการทำงานศิลปะในยุคนี้เราคิดว่ายุคสมัยก่อนยากตรงที่ศิลปินค่อนข้างน้อย คนสะสมงานน้อย ยุคนี้ศิลปินเยอะ คนสะสมงานเยอะขึ้น จะมีความแข่งขันสูงก็จะยากอีกแบบหนึ่ง ในยุคนี้จะง่ายตรงที่เราสามารถไปแสดงงานเมืองนอกได้ สำหรับเราทำงานศิลปะมาตลอดก็จริง แต่กว่าจะขายงานได้ใช้เวลา 10 ปี ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าลำบากและเลิกล้ม แต่เรารู้สึกว่ามันเลี้ยงความสุขและจิตใจของเราได้ ทำให้เราทำอยู่ได้แม้ไม่ได้ตังค์ (ยิ้ม)ในอนาคตมีแพลนอย่างไรต่อไม่ได้กำหนดตายตัวเพราะงานแต่ละชุดจะทำตามชีวิตช่วงนั้น ส่วนช่วงนี้อยู่แต่บ้าน ความอยู่แต่บ้านนานๆ ก็จะเป็นผลงานชุดต่อไป (หัวเราะ)ติดตามผลงานได้ที่ IG: niam_al       
20 Jan 2023
“เพราะสุขภาพขนของน้องหมาน้องแมวสำคัญต่อ "Hubpy Organic”
เพราะสุขภาพขนของน้องหมาน้องแมวสำคัญต่อ”Hubpy OrganicPet Hipster จะพามารู้จัก “คุณเบิร์ด ทรงวุฒิ พัฒนศิลาพร” กับ “คุณซัน วรุฒ สังข์บัวแก้ว”  ผู้สร้างผลิตภัณฑ์แชมพูสำหรับน้องหมาน้องแมวออร์แกนิค “Hubpy Organic”“ที่มาของ Hubpy Organic”เบิร์ด: แบรนด์ Hubpy Organic เกิดจากคำถามง่ายๆ ว่าเราจะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสัตว์เลี้ยงและเจ้าของได้อย่างไรบ้าง ตัวของผมเองเลี้ยงหมา และอยากจะมีของดีให้หมาใช้ เลยไปคุยกับคุณซันดูว่าเราทำอะไรได้บ้างซัน : ตอนนั้นคุณเบิร์ดมาบอกว่าอยากได้ผลิตภัณฑ์ของสุนัขที่พรีเมี่ยม ซึ่งพอเรามาสำรวจท้องตลาดดูแล้วพบว่า ผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมในไทยยังไม่ค่อยมี และพอดีว่าครอบครัวผมส่วนใหญ่จบวิทยาศาสตร์มาหมด ผมเลยมีความใกล้ชิดกับแหล่งวัตถุดิบต่างๆที่ใช้กับสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว เราก็เลยมาคุยกันว่าจะมาทำสินค้าพรีเมี่ยมส่งมอบให้กับสัตว์เลี้ยง“ช่วยเล่าถึงความเป็นมาของชื่อ Hubpy Organic ให้ฟังหน่อยเบิร์ด : คำว่า “hub of happiness for pets” “Hub” ก็คือศูนย์กลาง “Hubpy” ก็คือมาจากคำว่า “Happy” บวกกับคำว่า “Hub” ก็เลยอยากให้แบรนด์เราเป็นศูนย์กลางของความสุขสำหรับสัตว์เลี้ยง“แรงบันดาลใจในการทำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค”เบิร์ด : ตัวผมเลี้ยงน้องหมาเป็น 10-20ปี ซึ่งอย่างน้องหมาตัวที่ผมรักที่สุดเลย ก็มีปัญหาไม่ได้ต่างจากคนอื่น บ้างทีไปกอดไปหอมก็มีกลิ่นติดออกมา และก็มีปัญหาเรื่องผิวหนัง คือผิวหนังของน้องหมาน้องแมวคือบางกว่าผิวหนังของคน พออาบบ่อยๆ เค้าก็ระคายเคือง เราก็เลยเข้าใจถึงปัญหาที่ทุกคนเจอ ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ“ทำไมต้องเลือก Hubpy Organic”ซัน : เราทำ Hubpy Organic ขึ้นมา เพื่อมาตอบสนองความต้องการของตัวเราเอง ไม่ว่าจะวัตถุดิบหรือกลิ่น เราก็เลือกใช้วัตถุดิบที่อ่อนโยนมากๆ ดังนั้นคนที่ชอบผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวของสัตว์เลี้ยงก็อยากให้เลือก Hubpy Organic“อนาคตคิดว่า Hubpy Organic จะเติบโตไปในทิศทางไหน”เบิร์ด : สำหรับการเติบโตที่เราวางไว้ คือจุดเริ่มต้นของเรา เราต้องการให้ Hubpy Organic ไปอยู่ในจุดที่เรียกว่าคนที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมว รักพวกเค้าเหมือนลูก อยากให้ Hubpy Organic เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับคนรักสุขภาพของน้องหมาน้องแมว โดยที่เราไม่ได้เน้นที่การสร้างยอดขายเป็นหลัก เพราะตั้งแต่เราเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์“จุดมุ่งหมายเดียวของ Hubpy Organic ก็เหมือนกับจุดเริ่มต้น คือเราอยากส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและดีต่อสุขภาพของน้องหมาน้องแมวที่คุณรัก”“ให้ฝากถึงทุกคน”เบิร์ด : วันนี้ Hubpy Organic ก็ขอฝากไว้ด้วยสำหรับคนที่ต้องการอาบน้ำน้องหมาน้องแมว ใครที่มองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพก็ขอฝาก Hubpy Organic ไว้ด้วยนะครับ ซัน : ทางเราและทีมวิจัยของเราตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้มาก ทำจากคนที่รักหมาแมวจริงๆ และก็อยากให้น้องหมาน้องแมวใช้ของที่มีคุณภาพและอ่อนโยน ยังไงก็ฝากผลิตภัณฑ์ของเราด้วยครับ
20 Jan 2023
‘Is an Everything’ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากให้ JerHigh เป็น
‘Is an Everything’ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากให้ JerHigh เป็น     จากข้อมูลทางสถิติชี้ว่า ในปี 2022 เทรนด์ Pet Humanization หรือกลุ่มคนที่เลี้ยงและรักสัตว์เลี้ยงเหมือนคนในครอบครัวนั้นเพิ่มมากขึ้นหลังต้องอยู่บ้านนาน ๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโรคร้าย จึงอาจทำให้หลายคนมองว่า ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงก็คงจะเติบโตขึ้นได้ง่าย ๆ เช่นกัน แต่ในความเติบโตที่ว่านี้ ก็ยังเต็มไปด้วยการแข่งขันทางการตลาด ความพยายามในการปรับตัวเพื่อให้เท่าทันเทรนด์สมัยใหม่ หรือแม้แต่การบริหารที่ต้องคงไว้ซึ่งคุณภาพและความเชื่อใจที่ลูกค้ามีให้ต่อแบรนด์     Inspiration ฉบับนี้ Pet Hipster จึงขอพาทุกคนไปร่วมพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับ ‘คุณกบ’ กิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด ถึงแรงบันดาลใจในการบริหารธุรกิจแบรนด์อาหารสุนัข ที่ทำให้ ‘JerHigh คือทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากให้เป็น’ ได้จริงธุรกิจที่เริ่มต้นจาก ‘ความรัก’เริ่มต้นด้วยการถามถึงความเป็นมาของแบรนด์อาหารสุนัขที่ชื่อ JerHigh คุณกบตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เราพัฒนาขนมสุนัขแบรนด์เจอร์ไฮ ภายใต้แนวคิด ‘Feed me with love’ เพื่อเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่เชื่อมโยงความรักที่ยิ่งใหญ่ระหว่างผู้เลี้ยงและน้องสุนัขไว้ด้วยกัน จากการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่งเพื่อให้สุนัขได้ทานของอร่อยเปรียบดังอาหารของมนุษย์ เพื่อให้น้องหมามีสุขภาพดี อายุยืนยาว เพราะสินค้าที่คุณภาพดีก็จะตอบโจทย์ให้ทั้งผู้เลี้ยงและน้องสุนัขได้ใช้ชีวิตและมีความสุขร่วมกันไปนาน ๆ‘เพราะสุนัขเป็นได้ทุกสิ่งที่คุณอยากให้เป็น’ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง สมาชิกในครอบครัว'        จึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาก เพื่อให้เจอร์ไฮเป็นสื่อกลางในการจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์และผลักดันให้เกิดสิ่งต่าง ๆ อย่างการพาน้องหมาไปดูหนังครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ทำมาทั้งหมด 16 เรื่อง หรือจะเป็นการพาน้องหมานั่งรถไฟไปทำความดีร่วมกัน เดินห้างสรรพสินค้าด้วยกัน รวมทั้งเติมเต็มความรักให้กับเหล่าสุนัขไร้บ้าน เช่น โครงการหมอหมาใจหล่อ การรณรงค์เลี้ยงสุนัขอย่างมีความรับผิดชอบ เป็นต้น‘มีความรักและความสุขในการทำงาน’ ช่วยธุรกิจก้าวทันทุกความเปลี่ยนแปลง“เราทุกคนเหมือนมีโลกอยู่ 2 ใบ คือ ในชีวิตจริง และในโซเชียลมีเดียที่ทุกวันนี้เราใช้เวลาไปกับมันค่อนข้างเยอะ ซึ่งหลังจากนี้เราจะเข้าสู่ Metaverse ที่ยิ่งใหญ่ เจอร์ไฮเองก็ต้องพร้อมที่จะเข้าไปเติมเต็มไลฟ์สไตล์ Digital Customer และชุมชนในโลกเสมือนจริงนี้เช่นกัน ด้วยคำว่า Digitalization เราจึงจะต้อง transform องค์กรให้ทัน ซึ่ง 1 ในจิ๊กซอว์สำคัญก็คือ ‘น้องชิบะ สุนัข Virtual Influencer ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแรกในเอเชียที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อเติมเต็มความสุขให้กับทุกคน และในอนาคตก็จะมีการพัฒนาน้อง ๆ ตัวใหม่ ๆ ขึ้นอีกด้วย‘ผมเชื่อว่า การที่เรามุ่งมั่นที่จะทำอะไรให้สำเร็จส่วนหนึ่งมาจากความชอบและความรักในสิ่งๆนั้น ซึ่งถ้าเราชอบ เราจะทำมันได้อย่างดีและมีความสุข’เหมือนกับเจอร์ไฮที่เปรียบเสมือนองค์กรของเหล่าคนรักสุนัข เราจึงมุ่งมั่นทำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมเต็มความสุขอย่างต่อเนื่อง และต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาเพื่อเปิดรับสิ่งใหม่ เพราะทุกธุรกิจมีปัญหาแต่เราก็ต้องเปลี่ยนมุมมองและปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยอยู่เสมอ”                จากรอยยิ้มและแววตาที่มุ่งมั่นตลอดบทสนทนาของผู้บริหารท่านนี้ ทำให้พวกเรา Pet Hipster เชื่อแล้วว่า JerHigh จะช่วยเติมเต็มความสุขให้ทั้งผู้เลี้ยงและสุนัขได้อย่างแท้จริง
30 Nov 2022
Canagan อาหารจากบรรพบุรุษที่พัฒนามาเพื่อสุนัขและแมวสมัยใหม่
THE FOOD OF THEIR ANCESTORS        ในปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยนับว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยเจ้าของเองก็มองเหล่าสัตว์เลี้ยงเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว ทำให้สิ่งที่สำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเลยนั่นก็คือ ‘สุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง’ เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกันกับเราไปนาน ๆ         ‘คุณเอ้’ ธัญพวัชร กรรัตน์เสถียร ผู้จัดการ บริษัท เพทเทอร์นารี่ จำกัด ผู้นำเข้าอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงแบรนด์ ‘CANAGAN’ เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความตั้งใจและความพยายามที่จะนำอาหารมาให้น้องหมาและน้องแมวของตัวเองได้ทานอาหารที่ดีที่สุด ผลตอบแทนของความพยายามในครั้งนี้คือ สุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงของคุณเอ้เอง และยังได้แบ่งปันอาหารคุณภาพดีให้กับเพื่อน ๆ ที่รักสัตว์เลี้ยงอีกด้วย          จุดเริ่มต้นของคุณเอ้จะเรียกว่าธรรมดาก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะในตอนแรกคุณเอ้ก็ให้อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีตามท้องตลาดทั่วไปกับน้องหมาน้องแมวที่บ้าน แต่ด้วยแฟนที่เลี้ยงแมวหลายตัว แถมยังมีหลายสายพันธุ์ หลายช่วงอายุ ทำให้ต้องซื้ออาหารที่แตกต่างหลากหลายแบรนด์ แต่มีน้องแมวอยู่ตัวหนึ่ง ที่แพ้อาหารจำพวกกลูเตนจากข้าวโพดทำให้ไม่สามารถทานอาหารแมวทั่วไปได้ ประกอบกับช่วงนั้นอาหารของน้องแมวเจ้าประจำก็กำลังจะเลิกนำเข้ามาขาย ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็คงคิดว่าซื้อแบรนด์อื่นให้กินก็ได้ แต่คุณเอ้ไม่คิดแบบนั้น         คุณเอ้และแฟนเริ่มปรึกษากันว่า “จะหาอาหารสุนัขและแมวที่ดี ๆ ที่ตอบโจทย์ตามที่เราต้องการแล้วนำเข้ามาเองเลยไหม”        หลังจากนั้นคุณเอ้ก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับส่วนผสมต่าง ๆ ของทั้งน้องหมาและน้องแมว รวมไปถึงวิธีการเลี้ยงดูที่เหมาะสม และสารอาหารที่พวกเขาควรได้รับเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี“ทุ่มเทเวลาในการเดินทางไปร่วมงาน Pet Fair ที่ประเทศต่าง ๆ เพื่อที่จะหาอาหารที่เหมาะและตอบโจทย์สำหรับน้องหมาน้องแมวของตัวเอง จนได้มาเจอกับ CANAGAN”      ในตอนแรกได้นำอาหารมาให้กับน้องหมาน้องแมวของตัวเองได้ลองทาน ผลปรากฏว่าร่างกายของทั้งน้องหมาและน้องแมวดูดีและสุขภาพก็ดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้น้องๆ ทุกสายพันธุ์ ทุกช่วงอายุยังสามารถทานด้วยกันได้ น้องแมวที่แพ้กลูเตนก็สามารถทานได้เช่นกัน ทางคุณเอ้กับแฟนจึงมีความคิดต่อยอดว่า     “ถ้าน้องหมาน้องแมวที่บ้านเรากินแล้วดี ทำไมเราไม่แบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ที่เลี้ยงเหมือนกัน” นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณเอ้นำอาหารคุณภาพดีและยังเป็นที่จดจำของคนที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมวอย่าง ‘CANAGAN’ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ       จากจุดเริ่มต้นดำเนินมาจนถึงตอนที่คุณเอ้นำเข้าแบรนด์ ‘CANAGAN’ เข้ามา จะเห็นว่า คุณเอ้เองเริ่มต้นจากความรักและการลงทุนลงแรงอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับน้องหมาน้องแมวของตัวเอง และยังอยากแบ่งปันสิ่งที่ดี ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ที่รักสัตว์เลี้ยงทุกคนอีกด้วย เรียกได้ว่า สิ่งที่คุณเอ้นำเข้ามาเป็นอาหารที่บรรจุทั้งคุณภาพและความเอาใจใส่อัดแน่นเต็มถุงเลย        สุดท้ายนี้ คุณเอ้ได้ฝากถึงคนที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจหรือกำลังจะเริ่มทำบางสิ่งบางอย่างด้วยนะครับ “ตอนแรกผมก็แค่อยากให้น้องหมาน้องแมวของเราทานอาหารที่ดี และอยากจะส่งต่อความปรารถนาดีของเราไปให้คนอื่นด้วย เลยอยากให้เริ่มด้วยความคิดและความปรารถนาที่ดีก่อน อาจจะเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจ สิ่งที่เรารัก แล้วก็ตั้งใจศึกษาให้ดีและตั้งใจลงมือทำเลยครับ แล้วเราจะรู้สึกมีความสุขกับมัน”
30 Nov 2022
พบปะ ‘คุณขมิ้น’ เจ้าของภาพวาดโดดเด่นกับลายเส้นและคาแรกเตอร์สัตว์ที่ไม่เหมือนใคร
พูดคุยกับ ‘คุณขมิ้น’ เจ้าของภาพวาดโดดเด่นกับลายเส้นและคาแรกเตอร์สัตว์ที่ไม่เหมือนใคร    วันนี้เราอยู่กับ ‘คุณขมิ้น’ เพียงขวัญ คำหรุ่น เจ้าของเพจ kamijn ที่มีผลงานภาพวาดอันโดดเด่น เรียกว่ามองแวบเดียวสามารถรู้ได้เลยว่าลายเส้นนี้เป็นของใคร เรานัดสัมภาษณ์ที่ออฟฟิศใหม่ของคุณขมิ้น เจ้าตัวเดินยิ้มรับมาแต่ไกลพร้อมเปิดประตูให้เราและทีมงานเข้าไปข้างใน    ภายในเป็นตึกโล่งโปร่งที่กำลังตกแต่งเพื่อใช้เปิดเป็นสตูดิโอสอนวาดภาพและ Workshop ให้กับเด็กและผู้ใหญ่ที่สนใจศิลปะ บนชั้นสองเราสังเกตเห็นภาพวาดหลากหลายเทคนิค ซึ่งผลงานส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหน้าของสัตว์ โดยเฉพาะหน้าน้องแมวความชอบก่อเกิดเป็นผลงานคุณขมิ้นเรียนจบจากแขนงที่เกี่ยวกับการวาดภาพโดยตรง ด้วยความชอบและสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังเรียนจบจึงมองหางานที่เกี่ยวข้องในด้านนี้ ส่วนที่เลือกเรียนวาดภาพ เพราะส่วนตัวแล้วคุณขมิ้นคิดว่า “การวาดภาพเป็นเหมือนบันไดขั้นแรกของการแตกแขนงไปสาขาอื่นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดองค์ประกอบหรือการเลือกมุมมองต่างๆ”เราถามคุณขมิ้นต่อว่า ทำไมต้องใช้คาแรกเตอร์สัตว์เป็นหลักในภาพวาด ยิ่งหน้าแมวจะเห็นได้บ่อยที่สุด คุณขมิ้นยิ้มและอธิบายให้ฟังว่า “เพราะเราชอบสัตว์ โดยเฉพาะแมว ที่บ้านก็เลี้ยงไว้หลายตัว จึงหยิบจับหน้าแมวใส่ในภาพวาดแทนหน้าคน ผลงานที่ออกมาก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่าง มีความขี้เล่นและสนุกสนานในภาพมากขึ้น” ยกตัวอย่างแมวที่ชื่อ ‘เห็ดหอม’ ที่โผล่มาให้เห็นบ่อยๆ เนื่องจากเป็นแมวที่คุณขมิ้นผูกพันมานาน พร้อมบอกต่อว่า “อยากวาดให้รู้สึกว่าเค้าไปกับเราในทุกที่ เป็นเหมือนตัวแทน น้องแมวเห็ดหอมเลยเป็นคาแรกเตอร์หลักของผลงานไปแล้ว”ความรู้สึกขณะนั้นหรือประสบการณ์จริงที่เจอเราถามคุณขมิ้นว่า ส่วนใหญ่แล้วเวลาวาดภาพมักใช้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะนั้นหรือเอาประสบการณ์ที่เจอรอบตัวมาเป็นจุดตั้งต้นในการวาด “ส่วนใหญ่แล้วผลงานที่วาดจะใช้ประสบการณ์ในขั้นแรก เหมือนมีการวางแผนว่าจะทำอะไร สเก๊ตช์ภาพไว้คร่าวๆ ก่อนและตอนลงมือวาดจริงอาจจะมีความรู้สึกบวกเพิ่มเข้าไป” เราหันไปเห็นภาพวาดจากภาพยนตร์เรื่อง Forest Gump ฉากที่ฟอร์เรสท์นั่งบนเก้าอี้ แต่ต่างจากในหนังตรงที่ในภาพจะใส่หน้าแมวแทน จึงอดที่จะถามไม่ได้ว่าภาพนี้คุณขมิ้นเริ่มวาดได้ยังไง คุณขมิ้นก็เลยไขข้องสงสัยให้ว่า “เพราะเป็นคนชอบดูหนัง ถ้าช่วงไหนอินกับการดูหนัง ก็จะวาดฉากต่างๆ ในหนังบ่อยๆ ”  นั่นเองการวาดภาพก็เหมือนการทดลองส่วนใหญ่เวลาที่เราถามคุณขมิ้นเรื่องเทคนิคที่ถนัดในการวาดภาพหรือความชอบในการวาด ระหว่างวาดบนกระดาษ แท็บเล็ต หรือเพ้นท์ผนัง ชอบแบบไหนมากกว่ากัน คุณขมิ้นจะหยุดคิดนิดนึงและตอบเหมือนเดิมว่า “ไม่มีอันไหนที่ถนัดหรือชอบมากที่สุด แต่ละแบบมันขึ้นอยู่กับเทคนิคที่อยากจะใช้ตอนไหน ซึ่งก็เหมือนเป็นการทดลองกับตัวเรา เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง”ต่อยอดจากการวาดภาพนอกจากจะเป็นศิลปินอิสระแล้ว คุณขมิ้นยังรับสอนวาดภาพด้วย สอนได้ตั้งแต่เด็กๆ จนถึงผู้ใหญ่ รวมถึงมี Workshop ให้กับคนที่สนใจ คุณขมิ้นบอกกับเราว่าเคยสอนเด็กๆ มาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่และรู้สึกสนุกเวลาที่ได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กๆ ให้เค้าได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่ ปัจจุบันเลยขยับขยายงานเป็นสอนออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดจึงต้องมีการปรับตัว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือสินค้าของคุณขมิ้น “เพราะเราชอบอะไรเล็กๆ กระจุกกระจิกอยู่แล้ว เลยเกิดไอเดียที่อยากจะให้ผลงานออกมาเป็นสินค้า ซึ่งอาจเจอได้ตามร้านขายของที่ระลึก ร้านเครื่องเขียนและงานอีเว้นท์ต่างๆ” ทำออกมาได้น่ารักมากๆ ด้วยสิ่งที่กำลังสนใจช่วงนี้คุณขมิ้นเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้กำลังสนใจเรื่องของการเปิดคอร์สสอนวาดภาพออนไลน์มากขึ้น มันเป็นอะไรที่ใหม่เพราะมันมีทั้งเรื่องของการตลาด การวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้คนเห็นเยอะๆ รวมถึงการคิดหัวข้อที่จะสอน ต้องศึกษาเพิ่มเติม แถมยังมีโปรเจคใหม่คือรับออกแบบและเพ้นท์ผนังให้กับร้านค้า โรงแรมหรือแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการงาน Mural หรือ Graffiti ไว้ให้ลูกค้าถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ ด้วยสุดท้ายก่อนจะขอตัวกลับ เราแวบถามถึงที่มาของคำว่า Kamijn ที่คุณขมิ้นใช้ทั้งในไอจีและในเพจว่ามันมีที่มาอย่างไร จะอ่านเป็นคำว่าขมิ้นก็ไม่ได้เพราะมีตัวเจอยู่ คุณขมิ้นยิ้มนิดหนึ่งก่อนอธิบายให้ฟังว่า “มันเป็นการรวมตัวกันของคำว่าขมิ้นและจันทร์ ที่เป็นฉายาตั้งแต่สมัยเรียน จึงเกิดเป็นการรวมคำว่า kamin กับ j เข้าด้วยกันและใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน” เรียกว่าแค่ชื่อก็มีสไตล์เป็นของตัวเองแล้ว สามารถติดตามผลงานคุณขมิ้นได้ทาง IG: p_kamjin, FB Page: kamijn และ www.kamijn.com ใครอยากเรียนวาดภาพไปที่ IG และเพจ kamijnschool อยากช้อปสินค้าน่ารักๆ IG: kamijnstore แต่ถ้าสนใจอยากให้เพ้นท์ผนังให้ต้องที่ www.art-schmart.com
03 Nov 2022






ชาช่า อริต์ตา รามณรงค์ นักแสดง ศิลปิน มากความสามารถ
ชาช่า อริต์ตา รามณรงค์ นักแสดง ศิลปิน มากความสามารถที่ไม่หยุดต่อความเป็นตัวเอง และเลือกที่จะลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จนมาถึงช่างสักที่มีงานเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนอาบู ลิงจอมซนจากการ์ตูนสุดคลาสสิค Aladdin ที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้คุณชาช่า ชอบสัตว์และอยากได้สัตว์เลี้ยงคู่ใจที่เกาะแขนเกาะขาสามารถเป็นเพื่อนที่รู้ใจ อาบูบู ลิงมาโมเสทของคุณชาช่า ที่คุณชาช่าหลงมาก ด้วยความที่น้องลิงพันธุ์นี้มีความตัวเล็กใบหน้าที่น่ารักไม่ยากเลยที่จะทำให้ใครหลายคนโดนน้องตก ต่อมาน้องลิงอีกตัวของคุณชาช่า จาฟาร์ ลิงพันธุ์ทามาริน ที่มีผมสุดเท่และสีขาว ซึ่งตอนแรก อาบูบูกับจาฟาร์เข้ากันได้ดีมาก แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็กัดกัน คุณชาช่าบอกมาว่า การเลี้ยงสัตว์มันไม่ใช่แค่การซื้อมาและเลี้ยงแต่มันจะมีค่าดูแลที่แพงมาก ๆ ทำให้คุณชาช่าต้องเลี้ยงแยกกัน บายูว ลิงกระรอก ลิงตัวปัจจุบันของคุณชาช่า ที่เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนต้องเคยเห็นในช่องทางออนไลน์ของคุณชาช่าแน่นอน คุณชาช่าเล่าว่าน้องบายูว เหมือนเด็กคนหนึ่งที่มีขนทั้งอ้อนและไร้เดียงสา “เพราะสัตว์เลี้ยงให้พลังและกำลังใจ”ทุกครั้งที่สัตว์เลี้ยงของคุณชาช่ามาอ้อน หรือเวลานั่งทำงานและมีน้องแมวมานั่งข้าง ๆ มันทำให้ใจฟูมาก ๆอุปสรรคในการเลี้ยง ลิง ของคุณชาช่าก็ใช่ว่าจะไม่เจอปัญหาอะไรเลย เพราะในช่วงแรกคำตอบจากความสงสัยในการเลี้ยงลิง ค่อนข้างที่จะยาก เพราะในประเทศไทยคนเลี้ยงไม่ค่อยเยอะ ทำให้คุณชาช่าต้องศึกษาและหาข้อมูลเยอะมาก ๆ เช่นกัน อย่างลิงกระรอกไม่ควรเลยที่จะโดนน้ำลายของคน เพราะอาจจะทำให้น้องเสียชีวิตได้ หรือคนบางคนก็ยังให้อาหารคนให้น้องทาน ซึ่งมันเลยทำให้คุณชาช่าทำคลิปแชร์ประสบการณ์ในการเลี้ยงน้องลิง เพราะถึงกลุ่มคนเลี้ยงลิงจะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็ยังมีคนในประเทศเลี้ยง เพราะคุณชาช่าอยากให้ทุกคนที่เลี้ยงลิง ได้ให้ชีวิตที่ดีกับเขา และด้วยความที่คุณชาช่าเลี้ยงสัตว์เยอะทำให้มีธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์ เพราะอะไรที่คุณชาช่าชอบหรือสนใจมันก็จะมักกลายมาเป็นธุรกิจหมด เพราะคุณชาช่าถือคติว่า“ถ้าเราชอบสิ่งนี้ และเราเสียตังค์ให้มันเยอะ เราก็ควรได้อะไรกลับมาจากมันบ้าง”ไม่รวมแค่ธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์แต่หมายถึงทุกอย่างในชีวิตของคุณชาช่า อย่างตอนนี้คุณชาช่าได้เป็นช่างสัก เริ่มจากที่คุณชาช่าเป็นคนชอบออกแบบกราฟิกอยู่แล้ว และได้มีโอกาสไปดูคุณเลโอสัก ทำให้คุณชาช่ารู้สึกว่าช่างสักดูเท่มาก ๆ อย่างลองเป็นช่างสักบ้าง จนผ่านเวลาไปสักพัก ด้วยความที่คนรอบตัวคุณชาช่าเริ่มที่จะสัก ทำให้คุณชาช่าสนใจและอยากสักขึ้นมา คุณชาช่าเลยตัดสินใจสักลายแรก เป็นรูปแอปเปิ้ล มาจากชื่อของคุณแม่ของคุณชาช่า และคุณชาช่าก็ยังรู้สึกว่าช่างสักยังดูเท่อยู่ และโดยที่ตัวเองก็ชอบออกแบบอยู่แล้ว ก็เลยทำให้คุณชาช่าได้ลงมือเรียน โดยที่ตอนแรกคุณชาช่าก็กลัวว่าตัวเองจะทำได้ไหม จนได้เริ่มสักคนจริง ๆ ในงานสไตล์ของตัวเองจริง ๆ จนกลายมาเป็นสตูดิโอจนถึงทุกวันนี้ Pepper.Inker Tattoo Studio
26 Apr 2023
ริน ศิรินญา ปึงสุวรรณ เด็กที่ชอบสะสมโมเดลจนกลายเป็น ‘Art Toys Designer’
1. จุดเริ่มต้นของการทำ Art toysจุดเริ่มต้นในการทํา Art toys มาจากการที่ตั้งแต่เด็กชอบสะสมโมเดล พอโตมาก็เริ่มศึกษาศิลปะมากขึ้นพอได้เห็น Art toys ตามพวกงานอีเวนต์ต่าง ๆ ก็เลยลองศึกษา และก็ได้เริ่มมาจากตรงนั้น2. แรงบันดาลใจของ Art toys แต่ละตัว แรงบันดาลใจในการทํา Art toys คือ การเอาเรื่องราวในชีวิตที่เจอในแต่ละช่วงเวลา ในแต่ละเหตุการณ์ มาถ่ายทอดออกมาผ่านตัวน้องแต่ละตัว3. ศิลปะมีหลายอย่าง ทำไมถึงต้องทำ Art toysเริ่มรู้ตัวว่าชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แต่มันก็ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นว่า มันจะคือศิลปะแบบไหนที่ชอบ อยากทําอะไร หรือทําอันไหนแล้วมันจะเวิร์คสําหรับเรา เลยใช้เวลาช่วงมหาลัยที่เข้ามาเรียนที่คณะวิทย์ฯ มหิดล ด้วยระยะทางมันไกลจากที่บ้านทำให้มีเวลา มีโลกที่กว้างขึ้นในการที่จะศึกษารูปแบบของศิลปะต่าง ๆ โดยช่วงแรกจะไปตามงานงานอีเวนต์ศิลปะทุกประเภท จนมาเจอว่าอะไรที่มันรู้สึกดึงดูดมากที่สุด ก็คืองาน Art toys งานโมเดล4. ทำไมต้องเป็นสัตว์บางทีสัตว์มันสื่อสารไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าเขาอยากจะบอกอะไรสักอย่างเลยรู้สึกว่าอยากทําตรงนี้ขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวอะไรบางอย่าง5. เลี้ยงสัตว์บ้างไหมหรือมีสัตว์ตัวไหนที่อยากเลี้ยงจริง ๆ อยากเลี้ยงสัตว์มาก ซึ่งที่บ้านไม่ได้เลี้ยงอยู่แล้ว เลยคิดไว้ว่าอาจจะเลี้ยงในอนาคต พอเรียนจบมหาลัยได้ทํางานศิลปะเลย พอเริ่มก้าวเข้ามาทํางานศิลปะก็รู้สึกว่าเริ่มเลี้ยงไม่ได้แล้ว เพราะด้วยสารเคมีต่าง ๆ ที่ทํามันอาจจะส่งผลต่อน้องสัตว์ได้ ก็เลยเป็นการเลี้ยงในรูปแบบของอาร์ททอยแทนแล้วกัน6. อยากให้พูดถึงน้องแต่ละตัวมันเริ่มจากการไป work and travel ตอนช่วงปีสามที่ San Francisco และได้ไปเห็น Art toys ตัวนึง ที่ชื่อว่า ‘Dunny’ เป็นฟิลแบบแพลตฟอร์มทอย เหมือนให้คนที่ได้รับไปหรือเจ้าของคาแรคเตอร์นั้นแต่งเติมเรื่องราวได้ เลยเริ่มเอาตรงนี้มาเป็นแรงบันดาลใจ คาแรคเตอร์ตัวแรกที่ได้มาก็คือ โต๋ย น้องจะเป็นแพทเทิร์นตัวที่ง่าย ๆ เกลี้ยง ๆ เหมือนพอเวลาเจอเรื่องราวอะไร หรืออยากถ่ายทอดอะไรให้คนอื่นได้รับรู้ ก็จะถ่ายทอดมันผ่านน้องตัวนี้ตัวแรก เป็นเหมือนไดอารี่ พอเริ่มทํางาน ตัวต่อมาที่ได้ก็คือ ‘เฟรนเน่’ ซึ่งมาจากเฟนเน็คฟ็อกซ์ มันเป็น  Base on story ของเฟนเน็คฟ็อกซ์ เหมือนนกเงือกที่จะเป็นสัตว์มีรักเดียว เลยอยากทําตัวนี้ขึ้นมา ด้วยความที่ตอนเด็ก ๆ ไม่ค่อยมีเพื่อน เหมือนชอบเล่นกับของเล่น เลยเห็นของเล่นเป็นเพื่อน และมีความคิดอยากให้ของเล่นมีชีวิต ก็เลยสร้างคาแรคเตอร์ตัวหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนความรัก ให้เป็นตัวแทนของการที่ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง เราจะอยู่กับคุณตลอด จะมีซ่อนกิมมิคอะไรหลาย ๆ อย่างไว้ น้องเป็นตัวแทนของความไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทุกคนบนโลกมันไม่มีใครสมบูรณ์แบบทั้งนั้น แต่ไม่ว่าใครก็ตาม ก็สามารถมีความรักดี ๆ ได้แล้วเขาก็สามารถให้ความรักดี ๆ กับคนอื่นได้เหมือนกัน ต่อมาช่วงโควิดประมาณปีที่สอง รู้สึกว่าคนรอบตัวเริ่มเฉาไปหมด เริ่มนอยด์ เลยอยากสร้างคาแรคเตอร์เป็นตัวตลกตัวหนึ่งขึ้นมา เพื่อไว้คอยโอบกอดทุกคน ก็เลยออกมาเป็นตัวนี้ ‘โทบี้’ ซึ่งเหมือนกับหมี มันเป็นเหมือนตัวแทนของการกอดที่อบอุ่น หลังจากนั้นได้ดูการ์ตูนมาหลายเรื่อง และได้สังเกตเห็นว่ามันมีสัตว์ตัวนึงที่ ไม่ว่าการ์ตูนเรื่องไหนเค้าจะเป็นผู้ร้ายเสมอคือ ไฮยีนา ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่มีสัตว์ตัวไหนที่เป็นผู้ร้ายหรอก เขาแค่ทําตามสัญชาตญาณตัวเองแต่เพียงแค่บางครั้งหน้าตาเค้าอาจจะดูดุ ดูน่ากลัว ก็เลยเอาคอนเซ็ปต์ตรงนี้มาเล่นกับกับตัวคาแรคเตอร์ ‘ไฮดี้’ ปากน้องจะเหมือนมีเทปกาวแปะอยู่ เหมือนกับว่าน้องไม่สามารถที่จะพูดเพื่อปกป้องตัวเองได้ เพราะคนจะเชื่อแต่สิ่งที่เห็น8.คาแรคเตอร์สัตว์ตัวไหนชอบมากที่สุดให้ ‘เฟรนเน่’ เพราะรู้สึกว่าความไม่สมบูรณ์แบบมันสวยงาม และอยากให้ความรักดี ๆ กับคนอื่นผ่านทางงานเหมือนกัน รวมถึงอยากได้รับความรักจากทุกคนที่ชอบผลงานด้วย9.สเน่ห์ของผลงานที่ไม่เหมือนใครเด่นไปที่เรื่องราวมากกว่า เพราะว่าทุกตัวที่ทํา จะมีสตอรี่ของน้องเสมอ10. ในอนาคตอยากให้วงการ Art toys ไทยไปในทิศทางไหนมันเปิดกว้างได้กว่านี้อีก อยากให้ทุกคนหรือคนทั่วไปเขาสามารถรู้จักคําว่า Art toys ได้ ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่เป็นนักสะสมอยู่แล้วหรือกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง อยากให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจ Character Design ได้ด้วย มันก็จะทําให้ตลาด Art toys ไทยสามารถเปิดกว้างขึ้นได้อีก ก็จะส่งผลดีต่องานศิลปะ
24 Feb 2023
“มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ( home4animals )” และจะพาไปทำความรู้จักกับ คุณครรชิต วาพิไลผู้ช่วยผู้จัดการ
สวัสดีเพื่อน ๆ นักอ่านทุกท่าน ในโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้ ยังมีเจ้าตัวเล็กที่น่าสงสารอีกหลายชีวิต ที่รอให้ทุกคนมองเห็นเขาอยู่ ปัญหาสุนัขและแมวจรจัดที่ถูกทิ้งนั้น เป็นปัญหาสังคมที่ได้รับผลกระทบกันทุกฝ่าย ตอนที่เขายังเป็นเด็กก็จะมีความน่ารักน่าเอ็นดู แต่พอพวกเขาเริ่มอายุเยอะขึ้น ก็จะหมดความน่ารักลง แล้วมักจะจบลงที่การถูกทิ้งตามสถานที่ต่าง ๆMy Beloved Story ฉบับนี้เรามีผู้ใหญ่ใจดีจากแบรนด์ Pro ซึ่งเป็นแบรนด์อาหารสุนัขและแมวที่ถูกสร้างมา เพื่อคนที่ต้องการจะใช้อาหารในปริมาณมาก ๆ และราคาจับต้องได้ หรือสำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขและแมวจำนวนมาก ซึ่งในครั้งนี้จะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำบุญมอบอาหารน้องหมาน้องแมวร่วมกันที่ “มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ( home4animals )” และจะพาไปทำความรู้จักกับ คุณครรชิต  วาพิไล ผู้ช่วยผู้จัดการและเป็นคนดูแลเรื่องการเงิน ที่มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ( home4animals ) ผู้ที่รับผิดชอบการดูแลน้องหมาและน้องแมวทั้งหมด 800 กว่าชีวิต พอเราเดินเข้ามาที่มูลนิธิ จะมีพี่ ๆ เจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น สถานที่สงบ และยังมีคาเฟ่อยู่ด้านหน้าของมูลนิธิอีกด้วย สำหรับใครที่เป็นสายคาเฟ่แมวต้องถูกใจแน่ๆ เพราะทางมูลนิธิจัดห้องน้องแมวไว้ให้เข้าไปได้เล่นกับน้องๆได้ แต่คาเฟ่จะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นนะ สำหรับใครที่หาที่พักผ่อนอยู่ก็สามารถเข้ามาได้เลย แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปหาน้อง ๆ ด้านในที่พัก ก็ขอทำการมอบ Pro อาหารสำหรับสุนัขและแมว ให้กับทางมูลนิธิกันก่อน ซึ่งทางเราได้รับเกียรติจาก คุณวรัญรัชต์  อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) เป็นผู้มอบให้กับทางมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการในครั้งนี้คุณวรัญรัชต์  อัสสานุพงศ์ ได้บอกว่า “จุดเริ่มต้นของเราก็คือเริ่มมาจากการทำอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกระดับพรีเมี่ยม พอวันนึงเราได้ประสบความสำเร็จในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกแล้ว เราต้องหันมามองภายในบ้านเราด้วย ว่าในบ้านของเราก็ยังมีน้องหมาน้องแมว ที่เขายังได้รับสารอาหารที่ไม่ถูกต้องอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีกำลังจะซัพพอร์ตอาหารในราคาแพง ๆ ได้ เราจึงมีเจตจํานงที่จะผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขและแมวในปริมาณมาก หรือผู้เลี้ยงมีกำลังทรัพย์ไม่มากพอ แต่ว่าเรามีความต้องการที่จะให้น้อง ๆ ได้รับคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วน ตามมาตราฐานของ AAFCO ในราคาที่คนเลี้ยงสามารถจับต้องได้ค่ะ”พอทำการมอบอาหารเป็นอันเสร็จสิ้น ทางเราก็ได้เข้าไปเยี่ยมชมน้อง ๆ ที่อยู่ในมูลนิธิ โดยมีคุณครรชิต พาเดินรอบ ๆ คุณครรชิต เล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มอยู่ที่ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี แต่ได้มีผู้ใจบุญมอบพื้นที่ ที่ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีให้ เนื้อที่กว่า 200 ตารางวา ทำให้ทางมูลนิธิได้ย้ายน้อง ๆ มาอยู่ที่ปากเกร็ด นนทบุรี และได้มีหนังสือพิมพ์มาทำข่าวจนเป็นที่รู้จัก และได้ทราบไปถึงหลวงตามหาบัว ท่านจึงเดินทางมาหาดูด้วยตัวเอง และทำการบริจารปัจจัย 100,000 บาทต่อเดือน ซื้อที่ดินให้อีก 1 แปลง และยังทำการสั่งให้สร้างตึก เพื่อให้สัตว์พิการได้มีอยู่อาศัย นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์พิการ ( ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ) จนถึงปัจจุบันนี้ที่มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการยังมีโครงการที่น่าสนใจอีก 3 โครงการโครงการน้องหมาหาบ้าน โครงการวันละบาทต่อชีวิตหมาแมว  โครงการหนูอยากมีพ่อแม่“จริง ๆ ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นมูลนิธิเอกชน เราสร้างขึ้นเพื่อที่ต้องการจะแบ่งเบาภาระสังคมครับ โดยการให้หมาแมวที่ไม่มีที่อยู่ ให้เขาได้มีที่อยู่อาศัย มีสุขลักษณะที่ดี พอได้เห็นว่าเขาช่วยเหลือตัวเองได้ เขาได้มีเพื่อน ได้มีบ้านที่อบอุ่น เราก็รู้สึกภูมิใจมากครับ” ตอนผู้เขียนได้ฟังที่ คุณครรชิต  วาพิไล สัมภาษณ์ก็รู้สึกได้ถึง ความตั้งใจ และความภูมิใจเป็นอย่างมาก คุณครรชิต  วาพิไล เล่าให้ฟังว่า “ทุกอย่างที่พวกเราเห็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านของน้องหมาน้องแมว หรืออาหารต่าง ๆ ล้วนมาจากการบริจาคของผู้ใจบุญทั้งหมด เราทำให้ทุกคนได้เห็นว่าเงินทุกบาทของผู้ใจบุญทุกคน ได้ใช้ประโยชน์ทั้งหมดครับ” และคุณครรชิต  ก็อยากจะฝากถึงคนที่จะเริ่มเลี้ยงน้องหมาน้องแมวหรือเริ่มที่จะรับเลี้ยง “ต้องขอบอกก่อน ไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวอะครับ เราจะต้องศึกษาสายพันธุ์ของพวกเขาก่อน เพราะว่าสัตว์ทุกชนิดเขาก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกับมนุษย์เรานิแหละครับ ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะเอาเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราแล้ว ก็อยากจะบอกว่าเวลาเขาป่วยหรือบาดเจ็บ เราก็ต้องพาเขาไปหาหมอ ไม่ใช่ว่าเขาไม่น่ารักเหมือนตอนแรกแล้วเอาเขาไปปล่อยข้างถนน มันไม่ถูกต้องนะครับ เพราะว่าเขาก็มีหัวใจเหมือนกับพวกเราครับ”
21 Feb 2023
มรดกไทยที่ยังมีลมหายใจ “แมวไทยโบราณ”
ขอเครดิตฟรีหน่อยครับสมัครปุ๊บรับปั๊บไม่ต้องฝากใครจะไปคิดล่ะครับ ว่าบ้านหลังน้อยที่อยู่ท้ายซอยเติมทรัพย์ จะเป็นที่อนุรักษ์หรือจุดรวมของเหล่าบรรดาแมวไทยแท้โบราณทั้งหลาย‘แมวไทย’ เป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน และยังสร้างชื่อให้ต่างประเทศรู้จักประเทศไทยมากขึ้นอย่าง ‘วิเชียรมาศ’ แต่ทุกวันนี้แมวไทยกลับมีจำนวนที่น้อยลงอย่างน่าตกใจ ท่ามกลางสถานการณ์ที่แมวไทยแท้กำลังจะสูญหาย คุณลุงท่านหนึ่ง กลับเป็นผู้ที่สามารถเพิ่มจำนวนและรักษาพันธุ์แมวไทยโบราณไว้ได้ วันนี้ Pet Hipster ได้รับเกียรติจาก ‘คุณลุงปรีชา วัฒนา’ ผู้อนุรักษ์แมวไทยโบราณ ที่จะมาเล่าถึงจุดเริ่มต้นหรือแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนี้จากจุดเริ่มต้นโดยแมวจรตัวหนึ่งที่เดินบนกำแพงที่บ้าน เวลาที่คุณลุงปรีชาเจอก็จะไล่ให้ไปพ้นๆ แต่มีอยู่วันหนึ่ง คุณลุงเดินออกจากห้องน้ำ แล้วเจ้าแมวตัวที่เคยเจอบนกำแพงก็มาล้มตัวลงใส่ที่หลังเท้า คุณลุงบอกว่า “นั่นเป็นวันแรกเลยที่ได้สัมผัสตัวแมว” สิ่งที่ทำให้คุณลุงโดนน้องแมวไทยตกเข้าเต็มๆ ก็คือนิสัยที่น่ารัก ชอบคลอเคลีย จากนั้นคุณลุงก็เริ่มชวนเขามาอยู่ที่บ้านด้วย “ในเมื่อเขาอยากจะอยู่ งั้นก็ให้เขาอยู่ เรามาอยู่ด้วยกันนะ” เป็นจุดเริ่มต้นจากความรักความเอ็นดูมาเป็นอันดับแรก จากนั้นคุณลุงก็เริ่มที่จะสนใจเรื่องของแมว จนแมวตัวแรกที่คุณลุงได้เลี้ยงคือ ‘แมววิเชียรมาศ’ เพศเมีย และเกิดความคิดอยากสืบทอดพันธุ์แมวไทยให้คงอยู่ต่อไป “ในเมื่ออาหารแมว ทรายแมวยังขายได้ ทำไมลูกแมวจะขายไม่ได้”คุณลุงจึงเริ่มศึกษาการเพาะพันธุ์แมวไทยจนกลายเป็นธุรกิจที่มาพร้อมกับการอนุรักษ์ควบคู่กันไปด้วย จากนั้นจึงเริ่มหาน้องแมวสายพันธุ์อื่น ๆ เพื่อที่จะมาเพาะพันธุ์ต่อ จนไปได้ยินเรื่องราวของ ‘แมวศุภลักษณ์’ เป็นเรื่องแปลกที่คุณลุงเคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ไม่เคยคิดจะหามาเลี้ยง เพราะแมวศุภลักษณ์นั้น คุณลุงไม่เคยเห็นและหาที่ไหนไม่ได้เลย แต่วันดีคืนดีก็มีนักศึกษาชาวต่างชาตินำแมวศุภลักษณ์เพศผู้มาหาและขอให้คุณลุงช่วยเพาะพันธุ์แมวหน้าตาแบบนี้ได้ไหม จากนั้นคุณลุงก็เริ่มไปหาแมวตัวเมียที่มีลักษณะใกล้เคียงกับแมวศุภลักษณ์ในตำราโบราณ จนเกิดเป็นความสนใจและศึกษาต่อ  “ผมค่อนข้างผิดหวังกับแมวศุภลักษณ์ถึง 4 แม่ เพราะออกมาเป็นสีดำหมด” พอเราได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกได้ว่าคุณลุงไม่ได้พูดเพราะเหนื่อย แต่พูดด้วยความรู้สึกที่ไม่ย่อท้อและเต็มไปด้วยความหวัง การเพาะพันธุ์แมวศุภลักษณ์ให้ได้ลักษณะตรงตามตำราโบราณใช้เวลานานถึง 5 ปี เรียกได้ว่าคุณลุงสามารถทำให้สายพันธุ์ของแมวศุภลักษณ์ คืนชีพได้เลย ซึ่งระยะเวลาที่คุณลุงอนุรักษ์แมวไทยโบราณนี้ก็นับได้ประมาณ 40 ปีขึ้นไปแล้ว ถ้าไม่รักจริงคงไม่ทำแน่นอน“ภูมิใจมากครับ ที่ได้ทำในสิ่งที่คนโบราณเขาได้ทำกันไว้ ยังรักษากันไว้ได้จนมาถึงรุ่นเรา ผมยังรักษาเขาไว้ได้ครบทุกสายพันธุ์ ผมถือว่าภูมิใจมาก หลายคนอาจมองข้าม แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ควรอนุรักษ์เอาไว้ให้ได้ ” สำหรับใครที่สนใจจะเลี้ยงแมวหรือสนใจจะเพาะพันธุ์น้องแมวไทย คุณลุงก็ยินดีที่จะให้ความรู้และข้อมูลต่าง ๆ ด้วยนะครับ ซึ่งทั้งหมดนี้คงเกิดจากความตั้งใจที่จะอนุรักษ์อย่างแท้จริงของคุณลุง เพื่อให้ยังมี ‘แมวไทยโบราณ’ ที่อยู่คู่คนไทยไปอีกยาวนานทั้งในปัจจุบันและอนาคตContact:Website : www.แมวไทย.comFacebook Page : แมวไทย.com แมววิเชียรมาศ แมวโคราช แมวขาวมณี แมวศุภลักษณ์Line : Preecha92 โทร : 089-6156696
07 Feb 2023
anima ผลงานสะท้อนความรู้สึกแต่ฝังลึกในความทรงจำ โดยเนียม มะวรคนอง
Pet & Hipster Talk ฉบับนี้ อยากจะพาทุกคนไปชมภาพวาดสัตว์มากหน้าหลายตาที่แอบอยู่ตามส่วนต่างๆ ของบ้าน โดยการรังสรรค์ผลงานจากคุณเนียม มะวรคนอง ศิลปินที่วาดภาพโดยใช้ความรู้สึก ณ ช่วงเวลาขณะนั้น พร้อมกันกับพาไปรู้จักและพูดคุยกับคุณเนียมให้มากขึ้นจุดเริ่มต้นที่ชอบงานศิลปะถ้าถามว่าเป็นพรสวรรค์หรือพรแสวงไม่แน่ใจเลย เพราะเราเริ่มจากการชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆ และได้มีโอกาสเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดบ้างมองงานศิลปะของตัวเองเป็นแบบไหนงานของเราจะเป็นงานจากภายในไปสู่ภายนอกมากกว่า ส่วนใหญ่จะวาดภาพจากความคาใจ ความทุกข์ ความรู้สึกของตัวเอง จะไม่ค่อยสะท้อนสังคมสักเท่าไหร่นักคิดว่าข้อจำกัดทางด้านร่างกายของตัวเองมีผลต่องานไหมในช่วงเรียนจะมีปัญหากับอาจารย์มากกว่า (หัวเราะ) เพราะเราแยกโทนสีน้ำเงินกับสีม่วงไม่ค่อยออกเลยแก้ปัญหาด้วยการเพ้นท์สีแบบโมโนโทนไป พอช่วงทำงานเลยใช้สีแบบตามใจมากขึ้นและเราก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นข้อจำกัดแล้ว มองว่าเป็นข้อดีด้วยซ้ำ พอเห็นสีน้อยกว่าคนอื่นทำให้เราไปละเอียดอ่อนในเรื่องแสง เรื่องเงามากขึ้น เรามองให้มันเป็นพรมากกว่ามองเป็นข้อจำกัดแรงบันดาลใจของผลงานชุด ‘anima’เรานึกถึงคำว่า animal ที่ตัดตัว l ออกไป พอตัดออกแล้วรู้สึกว่ามันน้อยและสวย จริงๆ คำนี้แปลว่าชีวิต วิญญาณด้วย เข้ากับสัตว์ที่วาดและด้วยเสียงที่ใช้ออกคำว่า anima มันดูอ่อนโยน ก็เลยชอบคำนี้ทำไมสัตว์ในภาพถึงต้องแอบอยากสื่อถึงว่าสัตว์ที่ปรากฎในภาพไม่ใช่สัตว์จริงๆ แต่เป็นเหมือนวิญญาณที่ใช้แทนความรู้สึก เวลาเข้าบ้านใหม่ เจอที่โล่งๆ จะมีความกลัว ความกังวล เปรียบเหมือนผืนผ้าใบว่างๆ ที่ทำให้เกิดจินตนาการและสะท้อนความรู้สึกออกมา คล้ายกับแมวเวลากลัวสถานที่ใหม่ๆ มันก็จะชอบไปแอบ เดินแบบระแวดระวังได้เจาะจงสัตว์ที่จะวาดในแต่ละภาพไหมจริงๆ ไม่ได้กำหนดเลย เราจะนั่งสังเกตแต่ละห้องก่อนแล้วค่อยเริ่มวาด อย่างภาพห้องน้ำไม่ได้คิดแต่แรกว่าจะเป็นฉลาม พอเห็นแล้วนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เล่นน้ำในอ่างน้ำ นึกถึงทะเลก็เลยวาดฉลาม แต่ละห้องที่เห็นให้ความรู้สึกแบบไหนโผล่ขึ้นมาเราก็จะวาดอันนั้นใช้ระยะเวลาในการวาดผลงานชุดนี้นานเท่าไหร่ทั้งหมดประมาณ 2 ปี บางภาพก็ใช้เวลาไม่นาน อย่างภาพบานประตูนั้นใช้เวลาสัปดาห์เดียว ภาพนกเค้าแมววาดอยู่เดือนนึง ภาพปลาวาฬวาดอยู่สองเดือน ที่นานเพราะแก้เยอะ กว่าจะมาเป็นปลาวาฬก็มีสัตว์มาแล้วหลายตัว ความทรงจำรูปนี้เราจะวาดเกี่ยวกับพ่อที่จากไป ตอนวาดเสร็จรู้สึกว่ายังสื่ออารมณ์ไม่ดีพอ เลยเปลี่ยนมาเรื่อยๆ จนเป็นปลาวาฬถึงโอเค เป็นหนึ่งในรูปที่เราชอบที่สุด อีกภาพคือภาพนกเค้าแมว อยากเอาไปติดที่บ้านเอง (หัวเราะ)บางภาพทำไมถึงกลับหัวอยากให้มุมมองมันแปลก เหมือนกับเวลาที่รู้สึกแปลกกับสถานที่ อยากจะสื่อถึงว่าตัวเรายังไม่คุ้นกับสถานที่ ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกับบ้าน พอได้ลองวาดกลับหัวเหมือนได้เห็นจินตนาการใหม่ๆ ในสถานที่เดิม เป็นการเล่นสนุกไปเรื่อย ไม่ได้คิดเยอะเลย (ยิ้ม)สังเกตว่าผลงานมีหมีขาวค่อนข้างเยอะข้อแรกเพราะอยากสื่อถึงวิญญาณสีขาว อีกอย่างนึงสีขาวแทนความบริสุทธิ์ได้และเรารู้สึกว่าภาวะโลกร้อนในปัจจุบันทำให้หมีไม่มีที่อยู่ มันเชื่อมโยงคล้ายกับเราตรงที่ต้องพรากจากบ้านเก่ามาอยู่บ้านใหม่เคยเลี้ยงสัตว์บ้างไหมเคยเลี้ยงแมว แต่ตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว เลี้ยงมา 18 ปีเลยและเคยวาดแมวที่เลี้ยงบ้างไหมเคยวาดในผลงานชุดแมว จะเป็นแมวล้วนๆคิดยังไงกับการทำงานศิลปะในยุคนี้เราคิดว่ายุคสมัยก่อนยากตรงที่ศิลปินค่อนข้างน้อย คนสะสมงานน้อย ยุคนี้ศิลปินเยอะ คนสะสมงานเยอะขึ้น จะมีความแข่งขันสูงก็จะยากอีกแบบหนึ่ง ในยุคนี้จะง่ายตรงที่เราสามารถไปแสดงงานเมืองนอกได้ สำหรับเราทำงานศิลปะมาตลอดก็จริง แต่กว่าจะขายงานได้ใช้เวลา 10 ปี ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าลำบากและเลิกล้ม แต่เรารู้สึกว่ามันเลี้ยงความสุขและจิตใจของเราได้ ทำให้เราทำอยู่ได้แม้ไม่ได้ตังค์ (ยิ้ม)ในอนาคตมีแพลนอย่างไรต่อไม่ได้กำหนดตายตัวเพราะงานแต่ละชุดจะทำตามชีวิตช่วงนั้น ส่วนช่วงนี้อยู่แต่บ้าน ความอยู่แต่บ้านนานๆ ก็จะเป็นผลงานชุดต่อไป (หัวเราะ) ติดตามผลงานได้ที่ IG: niam_al    
25 Jan 2023
ตัวตนที่โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ ‘Moochie’ แบรนด์อาหารที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันเทรนด์สัตว์เลี้ยงกำลังมาแรงและกำลังแซงทางโค้งเทรนด์อื่น ๆ ขึ้นมา อาจจะเพราะยุคสมัยนี้คนเริ่มนิยมมีลูกกันน้อยลง รวมถึงเริ่มพักอาศัยอยู่คอนโดกันมากขึ้น การมีน้องหมาน้องแมวสักตัวสองตัวไว้คอยเป็นเพื่อนยามเหงาจึงเป็นไอเดียที่ดีทีเดียว และสิ่งที่หลายคนมองหามาเป็นอันดับหนึ่งคงหนีไม่พ้นเรื่องของ ‘อาหาร’ ปัจจัยหลักที่ให้ทั้งความอร่อยและความสุขแก่พวกเขา วันนี้คอลัมน์ Inspiration จึงอยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับตัวตนของ Moochie แบรนด์อาหารน้องหมาน้องแมวสีสันสดใสที่จะมาตีตลาดในใจของทุกคนให้มากขึ้น โดยการพูดคุยกับคุณจ๋า ณัฐชยา ชิ้นปิ่นเกลียว ตำแหน่ง Business Development ถึงแรงบันดาลใจกว่าจะมาเป็น Moochie กันจุดเริ่มต้นจากการที่บ้านเลี้ยงสัตว์และตัวคุณจ๋ารักสัตว์มาตั้งแต่เด็ก ๆ รวมถึงสนใจในไอเทมเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือขนมก็ตาม จึงทำให้เริ่มสนใจที่จะทำแบรนด์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงขึ้นมา นอกจากนี้ด้วยความที่มีทีมพัฒนาและทีมวิจัยพร้อม บวกกับไอเดียใหม่ ๆ ที่คอยเสริมเพิ่มเติมตลอด แบรนด์ Moochie จึงเกิดขึ้นมาไม่ยาก      ตัวตนที่ชัดเจน        ด้วยคียเวิร์ดหลักสามคำอย่าง Young, Trendy และ Sincerity ของ Moochie ส่งผลให้ตัวตนที่อยากจะสื่อออกมาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะความสนุก สดใส รวมถึงการอัพเดทเทรนด์ตลอดเวลา และด้วยคำว่า Sincerity ทำให้ส่วนนี้โปร่งใสและซื่อตรงกับผู้บริโภค ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง“ซื่อตรงกับผู้บริโภค ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง”     จากความชื่นชอบส่งผลต่อการมองหาสิ่งใหม่ ๆ มาอัพเดทในแบรนด์อยู่เสมอ และไม่หยุดที่จะมองหารสชาติใหม่ ๆ ที่จะนำมาปรับให้เข้ากับอาหารของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น      ความแตกต่างที่เป็นจุดเด่น        จุดเด่นที่แตกต่างอย่างการปรับรสชาติใหม่ ๆ ให้มีมากขึ้นโดยล้อไปกับ Human Trend หรือไม่ว่าจะเป็นอาหาร Complete and Balance รวมถึงขนมก็มีให้เลือกสรรอีกเยอะ วิตามินก็มีเสริมสำหรับบ้านไหนที่ต้องการส่วนนี้เพิ่มเติม รวมถึงทางแบรนด์เองยังมีคุณหมอด้านโภชนาการอาหารโดยตรงมาร่วมพัฒนาสูตรด้วย นับว่าเป็นแบรนด์ Global Standard ที่มีสินค้าวางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ      นอกจากนี้การออกแบบซองยังมีเอกลักษณ์ชัดเจน ด้วยคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง สีสันที่สดใสหรือจะเป็นการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ เช่น ขนมแมวเลีย ที่มีการนำภาพนิทานใส่ลงไปด้วย ถือว่าเป็นจุดเด่นของ Moochie ได้เลย      เป้าหมายต่อไป        ปัจจุบันสินค้า Moochie มีวางจำหน่ายกว่า 20 ประเทศ เป้าหมายที่มองต่อมาคือการวางจำหน่ายเพิ่มเป็น 30-40 ประเทศทั่วโลก รวมถึงอยากจะวางแบรนด์ให้เป็นผู้นำด้าน Innovation และถูกยอมรับใน Pet Industry ทั่วโลก       สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คุณจ๋าได้ฝากคำแนะนำสำหรับมือใหม่ที่กำลังเข้าสู่วงการสัตว์เลี้ยงอย่างเต็มตัว ถึงความใส่ใจในเรื่องของสุขภาพและวิธีการเลี้ยงดู ซึ่งทาง Moochie เองยังมี Moochie club ที่มีมากกว่าการให้ความรู้หรืออาหาร แต่ยังมีเสื้อผ้า ของใช้ของคนเอง รวมถึง Moochie ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Pet Community ที่สนับสนุนข้อมูลด้านการเลี้ยงสัตว์ การให้อาหารอย่างถูกวิธี จะเห็นได้จากด้านหลังของซองยังมี Daily feeding หรือคำแนะนำในการให้อาหารสำหรับน้ำหนักสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวไว้ให้ด้วย เรียกได้ว่าครบทั้งข้อมูลโภชนาการ ความใส่ใจและความอร่อยในซองเดียว
24 Jan 2023
พาดูฟาร์มแมว “Going Merry Scottish Fold”
เชื่อว่าฟาร์มเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก ไม่ว่าทั้งคนและสัตว์ Pet Hipster ฉบับนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับฟาร์มแมว “Going Merry Scottish Fold” ฟาร์มน้องแมว สายพันธุ์ สก๊อตทิช โฟลด์ ที่น่ารักมาก ๆ กับคุณ ปิ๊ก เจ้าของฟาร์มจุดเริ่มต้นของ Going Merry Scottish Fold เป็นมายังไง?เริ่มจากเราซื้อแมวมาเลี้ยงก่อนครับ และรู้สึกว่าน้องจะเหงา ผมเลยเริ่มที่จะซื้อตัวที่สอง หลังจากนั้นตัวสามตัวสี่ก็งอกเพิ่มมาเรื่อยๆครับ ต่อมาก็คือ พอเราเริ่มเพาะพันธุ์ เราก็เริ่มอยากที่จะเห็นลูกเห็นหลาน เลยตัดสินใจที่จะเปิดฟาร์มครับอยากให้เล่าถึง การที่เริ่มรักสัตว์ หรือเริ่มรักแมว?ตอนแรกผมกับภรรยา เราไม่มีลูกพอไม่มีลูกเราสองคนเลยตัดสินใจ มองหาสัตว์เลี้ยงสักตัว เราก็เลยตัดสินใจเป็นแมว เพราะชอบแมวอยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นเราก็ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เลยเห็นแมวพันธุ์ Scottish Fold ที่แปลก เพราะมีหูที่พับลงสนิท มันเลยทำให้หน้าของเขาดูกลม น่ารัก ทำให้นึกถึงการ์ตูน โดเรม่อน เราสองคนเลยชอบจุดเด่นและนิสัยของน้อง Scottish Fold   น้องเป็นแมวที่ร่าเริง ซน ขนาดตัวของน้องก็จะไม่ได้ตัวใหญ่มาก เป็นแมวไซส์กลางๆ เอกลักษณ์เลยก็คงไม่พ้นความซน ความกวนแต่ที่เราใส่ใจเขาก็คือ การดูแล การให้อาหาร ให้กินอาหารที่ดี ที่ฟาร์มจะให้เป็นอาหารเกรนฟรี คือจะไม่มีส่วนผสมของธัญพืช ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือ ขนร่วง ตอนนี้ที่ฟาร์มจะใช้ของ Jinny More เกรนฟรีอย่างเดียว จุดเด่นของเขาคือ แมวชอบกิน และปัญหาเรื่องขนหลุดร่วงแทบจะไม่มีเลย ก่อนหน้านี้มีบ้างที่น้องขนร่วง แต่พอเปลี่ยนมาทาน Jinny More แล้วขนร่วงน้อยลงไม่ว่าจะเป็นตอนอุ้ม ที่เสื้อก็ไม่ค่อยมีขนน้องมาติด และอาหารเขามีโปรตีนสูง และเป็นโปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อปลาทะเล และไก่ เนื้อเน้น ๆ ไม่มีผลพลอยได้จากสัตว์ และราคาน่ารักมาก ที่มาของ Going Merry มาได้ยังไงชอบการ์ตูนครับ มาจากการ์ตูน (ขำ) เรื่องวันพีช เลยเอามาตั้งเป็นชื่อฟาร์มครับ และถ้าใครสนใจน้องแมวสายพันธุ์ Scottish Fold ก็สามารถติดต่อมาทางเพจ Going Merry Scottish Fold ได้เลยครับ
23 Jan 2023
บ้านอันแสนอบอุ่นกับ Private Pet Community ที่ Hato Pet Wellness Center
Pet Hipster จะพามารู้จัก “สุพพัต ปิยะชัยวุฒิ” (หมอม่อน) ผู้สร้าง บ้านอันแสนอบอุ่น  Private Pet Community แห่งนี้ที่ “Hato Home”“จุดเริ่มต้นของ Hato Pet Wellness     หมอม่อน : ตอนสมัยเรียนสัตวแพทย์ ผมได้มีโอกาสฝึกงานที่โรงพยาบาลสัตว์ ได้เจอน้องสัตว์ป่วยเต็มไปหมด จนเราเกิดคำถามขึ้นมาว่า ในฐานะสัตวแพทย์ท่านหนึ่ง เราสามารถสร้างบริการแบบไหนได้บ้างที่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยไม่ต้องรอให้หมาแมวป่วยก่อน จึงทำการรักษา      หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมเวลาพาสัตว์เลี้ยงไปโรงพยาบาลสัตว์ถึงมีค่าใช้จ่ายสูงนัก ในฐานะสัตวแพทย์คงตอบคำถามนี้ได้ไม่ยาก เพราะหลายๆ ครั้งเจ้าของสัตว์รอจนน้องๆ มีปัญหาหนักแล้ว จึงพามาหาคุณหมอ เราเลยเกิดความคิดขึ้นว่าเราอยากสร้างบริการแบบใหม่ที่เราได้กลับไปแก้ที่จุดเริ่มต้นของปัญหาและหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญเลยคือความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงสัตว์     บางทีคนที่เลี้ยงสัตว์อาจจะไม่ทราบและไม่เข้าใจในเรื่องการเลี้ยงดูรวมถึงความรู้เรื่องโรคต่างๆ ทำให้การแก้ปัญหาเกิดช้าเกินไป ถ้าเราเข้าไปเน้นย้ำเรื่อง Preventive Medicine เน้นการป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคต่าง ๆ สร้างพื้นฐานของความรู้ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ถูกต้องน่าจะทำให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงเกิดเป็นการสร้างธุรกิจ Hato Pet Wellness Center ซึ่งเล็งเห็นโอกาสในการบุกเบิกตลาดใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการด้านการยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง      ในวันที่เราเริ่มทำธุรกิจ ด้วยความที่ Pet Wellness เป็นสิ่งใหม่ มันค่อนข้างยากนิดนึงว่าเราจะทำธุรกิจแบบไหน ซึ่งในประเทศไทยบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เราเห็นได้ชัดมี 2 แบบ แบบแรกคือโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิก แบบที่สองคือร้านอาบน้ำตัดขน     ในอดีตคำว่า Wellness Center ไม่ค่อยเป็นที่นิยม คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจความหมายของ  Wellness แต่ปัจจุบันกระแสเรื่อง Wellness มีความนิยมอย่างมากทั้งในคนและในสัตว์ ตอนเราเริ่มธุรกิจนี้ เราตั้งคำถามว่าเราจะให้ความรู้เจ้าของสัตว์ได้อย่างไร เราสามารถทำอย่างไรที่จะส่งมอบบริการที่ทำให้คุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงดีขึ้น เราจะทำอย่างไรให้น้องหมาน้องแมวไม่ป่วยและไปโรงพยาบาลน้อยลง มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงตลอดอายุขัยของเค้า     หมอม่อน: ปัจจัยเหล่านี้เลยทำให้เราพัฒนาบริการของ HATO โดยที่ออกแบบบริการ ที่อยู่ระหว่างโรงพยาบาลสัตว์กับ Grooming จนกลายเป็น  Pet Wellness Center รูปแบบบริการของเราคือ การตรวจร่างกายสัตว์เลี้ยงทุกตัวโดยสัตวแพทย์ก่อนที่จะเข้ารับบริการอาบน้ำหรือว่าสปา เพราะเราเชื่อว่าความถี่ของการมาใช้บริการอาบน้ำนั้นสูงกว่าการมาพบสัตวแพทย์ การตรวจร่างกายทุกครั้งรวมถึงการซักประวัติอย่างละเอียดก่อนอาบน้ำ จะช่วยให้เราเจอโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพได้เร็วกว่าการที่น้องเริ่มมีอาการแล้วไปพบคุณหมอ โดยทั่วไปความถี่ของการไปโรงพยาบาลของสัตว์นั้นประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี แต่การอาบน้ำนั้นเดือนละ 2-4 ครั้ง ทำให้สัตว์เลี้ยงมีโอกาสได้พบคุณหมอทุกอาทิตย์หรือทุกเดือน ซึ่งการตรวจร่างกายอย่างละเอียดนี้เรารวมไปในค่าใช้บริการแล้ว HATO นั้นมีที่มาจากคำว่า Heart แล้วเติม O เข้าไปให้ดูเหมือนเป็นแบรนด์ที่มีวัฒนธรรมจากญี่ปุ่น เพราะเราอยากส่งมอบความรักสู่สัตว์เลี้ยง ผ่านมาตรฐานการบริการแบบญี่ปุ่น เราอยากเห็นคนดูแลสัตว์ได้ดีขึ้น สังคมคนรักสัตว์โตขึ้น สัตว์เลี้ยงบนโลกมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีเวลาเราพาสัตว์เลี้ยงไป Grooming คงอยากเลือกร้านที่ทำทุกอย่างให้น้องๆ หอมที่สุดหรือตัดขนได้สวยที่สุด แต่ HATO เรามองว่าทำยังไงให้น้องหมาน้องแมวเครียดน้อยที่สุดและก็มีความสุขที่สุดกับบริการรูปแบบนี้ หมาแมวหลายตัวไม่ชอบอาบน้ำ ทำยังไงให้บริการนี้มีความสุขมากขึ้น HATO เลยเข้ามาส่งมอบเรื่องนี้ ผ่านพนักงานที่มีความรักสัตว์และรักในงานบริการ รวมถึงก่อนเข้ารับการบริการที่เราจะมีคุณหมอให้ความรู้ 10-15 นาทีเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์อย่างถูกวิธีหรือตรวจร่างกายสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น ตั้งแต่หัวจรดหาง“ภาพรวม Journey จนถึงปัจจุบันที่มี 5 สาขา”     หมอม่อน: ต้องบอกว่าวันแรกที่เราเริ่มต้น เราพยายามส่งมอบบริการที่แตกต่างให้กับท้องตลาด ซึ่งขณะนั้น Pet Wellness ยังไม่ได้แพร่หลายในประเทศไทย การที่เราเริ่มทำสาขาแรกที่สุขุมวิท ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี เพราะว่าเป็นบริการรูปแบบใหม่ในท้องตลาด หลังจากนั้นก็เริ่มขยายสาขาเพิ่มขึ้น ธุรกิจของ HATO แบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกคือฝั่ง Service โดยบริการของเรามีทั้งหมด 5 สาขา ส่วนที่สองคือ ผลิตภัณฑ์ ตอนนี้มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่เรานำเข้าบ้าง ผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตในไทยบ้าง ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ของ HATOวิธีคิดแบบ HATO     การยกคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง มันไม่ได้อยู่แค่บริการเท่านั้น แต่รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งเวลาอยู่ที่บ้านเค้ายังได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ HATO เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่บ้านให้ดีขึ้นได้ ทำไมเราถึงมี 5 สาขา ต้องบอกว่าตัว Service เราแบ่งเป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ รูปแบบแรกคือ Hato Pet Wellness Center ให้บริการคลินิกและบริการอาบน้ำ สปารูปแบบที่สอง Hato Cat Wellness Center ให้บริการเฉพาะแมวอย่างเดียว เพราะว่าปีนี้ตลาดของแมวโตขึ้นมาก เราเอา Pain Point จากประสบการณ์ในการทำร้าน 3 สาขาแรก “ต่อให้เราบริการดีแค่ไหน แมวก็ยังเครียดครับ เพราะว่ากลิ่น เสียง บางทีน้องหมาเห่าและแมวก็ไวกับกลิ่นบางทีเจอกลิ่นหมาที่เราทำความสะอาดดีแค่ไหนก็มีกลิ่นหมาหลงเหลืออยู่ เลยทำให้เราอยากลดความเครียดในตัวน้องแมวด้วยบริการที่เป็นเฉพาะทางน้องแมว โดยดึงเอาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องแมวโดยเฉพาะมาส่งมอบบริการ” และบริการใหม่ล่าสุด HATO HOME เรียกว่าเป็นบ้านของครอบครัว Hato ละกันครับ ส่วนใหญ่ Hato Pet Wellness Center เราจะไปเปิดในห้าง พอเรามาเปิด HATO HOME เอง เราสามารถส่งมอบบริการที่มีทั้งหมด ภายใต้แนวคิดการให้บริการแบบ HATO ไม่ว่าจะเป็นคลินิก โรงแรม สนามหญ้าหรือสระว่ายน้ำ รวมถึง Pet Shop ต่างๆ โดยสินค้าที่เราขายในนี้ เราเลือกมาเองทั้งหมด “แรงบันดาลใจสร้าง HATO HOME”     หมอม่อน: เรามี Hato Pet Wellness Center ในสาขาแรกๆ เราเป็นแค่ส่วนเดียว ของไลฟ์สไตล์ของสัตว์เลี้ยง คือให้บริการอาบน้ำกับคลินิก แต่ชีวิตประจำวันของสัตว์เลี้ยง คำว่า Wellness มันครอบคลุมไปอีกหลายอย่าง เช่น อาหารการกิน กิจกรรมอื่นๆ นอกจากการอาบน้ำ ก็จะมีว่ายน้ำ มีวิ่งเราอยากมีบ้านสักหลัง ซึ่งบ้านหลังนี้ทำงานสองอย่าง อย่างแรก ที่ HATO HOME เป็น Back Office เราด้วย ซึ่งเราอยากให้ทีมงานหลังบ้านเค้าอยู่ในสถานที่ ที่ได้เจอสัตว์ทุกวัน หรืออยู่ในสถานที่ ที่เค้าได้มีความสุขกับ บริการของเราจริงๆ ซึ่งจะทำให้องค์กร มี Passion ในการทำงานบริการด้านสัตว์เลี้ยง ทั้งทีม Operation และ Back office     หมอม่อน: เราจะส่งมอบบริการ ที่เราอยากทำแต่เรายังไม่ได้ทำ ซึ่งเราอยากให้มันเป็น Private Pet Community ซึ่งแตกต่างจากข้างนอก คือที่ Hato home จะมีความเป็นส่วนตัวเพราะเราจะจำกัดปริมาณการเข้า เนื่องจากเราอยากดูแลสัตว์ทุกตัวที่เข้ามาใช้บริการอย่างดีที่สุดจริงๆ ทั่วไปเรารับน้องหมาน้องแมวในช่วงเวลาเปิดบริการ เต็มที่ได้ 20 ตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของ Community สัตว์เลี้ยง“โดยที่เราไม่ได้หวังยอดขายที่สูงที่สุด เราอยากให้ที่ HATO HOME เป็นเมนไอเดียว่าเราอยากส่งมอบบริการที่สร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้าได้ยังไงที่ HATO HOME" โดยที่เราไม่ได้หวังยอดขายที่สูงที่สุดเราอยากให้ที่ HATO HOME เป็นเมนไอเดีย ว่าเราอยากส่งมอบบริการที่สร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้าได้ยังไงที่ HATO HOME”“บ้านอันแสนอบอุ่น” คำนี้มีความหมายอย่างไรกับ หมอม่อน : คือที่นี่เราอยากให้เป็นเหมือนบ้าน ถ้าดูจากการตกแต่ง ที่เราพยายามรักษาโครงสร้างเดิมไว้ เราอยากให้ที่นี่เป็นบ้านหลังหนึ่ง มีความอบอุ่น สบาย เป็นกันเองและรู้ใจ ที่เพื่อนๆ เราสามารถเอาน้องหมาน้องแมวมาให้ HATO ดูแล เราอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านเพื่อนที่มีสระว่ายน้ำ มีสนามหญ้า มีโรงแรมน้องหมาและมีคุณหมอประจำบ้าน ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกว่าเค้าไม่ได้มาสถานที่ที่เป็นเชิงพาณิชย์ ก็เลยนิยามว่าที่นี่คือ HATO Home ที่ที่เป็นเหมือนบ้าน ที่คอยรับรองเพื่อน ๆ HATO Family ของเรา“อยากให้พูดถึงสิ่งที่ Hato Home แตกต่างกว่าที่อื่น”หมอม่อน : ที่นี่ผมคิดว่า “สงบ” ครับ พอมาที่นี่เราได้ยินแต่เสียงนกครับ แทบไม่ได้ยินเสียงรถยนต์ผ่าน เราคิดว่าเราอยากมี Pet Community ที่เหมาะกับคนที่ไม่ได้ต้องการความวุ่นวายมากครับผมว่า HATO HOME ให้บริการกับคนที่ชอบแบบนั้น ให้บริการแบบทั่วถึง ได้รับบริการที่ดีที่สุด มีการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสัตวแพทย์และทีมงานที่มีประสบการณ์และรักสัตว์ “HATO HOME เป็นต้นแบบ HATO ในยุคใหม่”HATO HOME เราทำมาเพื่ออยากไปต่อในเรื่องของความคิดที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง เราเป็นน้องใหม่ในธุรกิจนี้ เราเพิ่งอยู่ในธุรกิจนี้มาเพียง 3 ปีกว่า เราอยากทดลองว่าการทำโมเดลแบบ Private Pet Community ที่ส่งมอบบริการคุณภาพสูงสุดให้กับลูกค้า เลยเป็นที่มาของ HATO HOME“อะไรคือสิ่งสำคัญที่ Hato Home ให้ความสำคัญต่อสถานที่บริการน้องหมาน้องแมว”หมอม่อน : ผมคิดว่า “เราต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงครับ”เมื่อก่อนเราให้บริการแค่ คลินิกกับกรูมมิ่ง แต่พอมาที่นี่เราทำทุกอย่างครบถ้วนได้ที่ HATO HOME 
23 Jan 2023
แก้ม อักษร จันทรโรจน์วานิช นักธุรกิจสาวสวย กับธุรกิจตุ๊กตาสุดน่ารัก “CARE BEARS”
คอลัมน์ Heart Healer ฉบับนี้จะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับนักธุรกิจสาวสวยรุ่นใหม่ไฟแรง ที่เรียกได้ว่าเธอคนนี้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ความน่ารักความสดใสอย่างตุ๊กตา “Care Bears” ที่ไม่ว่าใครหลาย ๆ คนก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอนPet Hipster ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแก้ม อักษร จันทรโรจน์วานิช ถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจที่เริ่มต้นจากความชอบ และพูดถึงตัวช่วยในการเยียวยาจิตใจของคุณแก้ม จากการทำงานจุดเริ่มต้นที่เข้ามาวงการธุรกิจเริ่มจากการทำแบรนด์รองเท้ากับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแล้วรู้สึกว่าการทำธุรกิจเป็นสิ่งที่เราชอบ รู้สึกหลงรักในธุรกิจ หลังจากนั้นก็ลองหาธุรกิจอื่น ๆ ทำ แต่เรามีความรู้สึกว่าทำไมเราไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็คือตุ๊กตา แล้วเราก็มองว่าตุ๊กตา Care Bears มีคนชอบที่ค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควร ก็เลยลองทำธุรกิจเกี่ยวกับตุ๊กตาดูค่ะ แต่แก้มคิดว่าถ้าเราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในไทยเลยน่าจะดีกว่าเป็นผู้นำเข้า จนตอนนี้แก้มได้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างถูกต้องในไทยค่ะคิดว่าจุดแข็งของตัวเองคืออะไรPasion ค่ะ แก้มค่อนข้างมั่นใจว่าแก้มมี Pasion ต่อเรื่องธุรกิจมาก จนรู้สึกว่าทำให้ตัวเองอยากพยายามหาสิ่งใหม่ ๆ หาโอกาสในด้านธุรกิจให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา แก้มคิดว่า Pasion เป็นสิ่งที่สามารถทำให้แก้มกล้าทำอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตค่ะความยากง่ายในการทำธุรกิจแก้มคิดว่าจริง ๆ แล้วในการทำธุรกิจก็จะมีความยากง่ายที่ต่างกันอยู่พอสมควร ส่วนของธุรกิจ Care Bears คือการดูแลลูกค้า ให้เขากลับมาซื้อสินค้าของเราต่อเรื่อย ๆ เพราะว่าเป็นสินค้าเดิม ก็ต้องทำ Marketing เพื่อดึงลูกค้าอยู่ตลอดเวลา หาอะไรใหม่ ๆ มาให้ลูกค้าอยู่เสมอเพื่อให้ไม่เบื่อปัญหาของธุรกิจปัญหามีเยอะมาก ทุกขั้นตอนเลย ตั้งแต่เริ่มทำ จนของส่งถึงมือลูกค้าเลย วิธีแก้ปัญหาของแก้มก็คือ ค่อย ๆ เรียงลำดับความสำคัญของปัญหาก่อนเลยอันดับแรก เพื่อที่จะให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น ค่อย ๆ แก้ไปทีละเรื่อง จนตอนนี้ก็เริ่มจับทางถูกแล้วว่าเราควรจัดการยังไงเวลามีปัญหา แก้มเชื่อว่าตอนเริ่มต้นทุกอย่างมันจะติด ๆ ขัด ๆ ทุกอย่างมันจะดูไม่เป็นไปตามที่เราหวัง แต่พอเราทำไปได้ประมาณนึง เราจะค้นพบเองว่าเรามาถูกทางไหม หรือเราควรจะจัดการกับปัญหาที่เข้ามายังไง เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะน้องฟอร์เต้ช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาอย่างไรบ้างคือด้วยความที่เราอยู่กับเขามานานมาก จนเราเหมือนรู้ใจกันแล้ว เวลาแก้มรู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึกเหนื่อยจากงาน ก็มีฟอร์เต้นี่แหละที่คอยอยู่ข้าง ๆ แก้ม คือเขาไม่ได้มาแบบเรียกร้องความสนใจ แต่ว่าเขาจะมานั่งข้าง ๆ ถ้าเขาพูดได้ก็คงจะบอกเราว่าฉันจะอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนเธอเองนะ ไม่ว่าเทอจะทำอะไรหรือเป็นอะไร เราจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนซึ่งมันทำให้แก้มมั่นใจได้เลยว่า ฟอร์เต้จะไม่มีวันทิ้งแก้มไปไหนแน่นอนถึงเขาจะไม่ค่อยแสดงออกมากนัก แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับแก้มเรื่องตลกของน้องฟอร์เต้ฟอร์เต้เขาจะเป็นพวกหวงของกินมาก แล้วเขาจะชอบเอาขนมไปซ่อน เอาไปแอบตามซอกเวลาที่เขาอิ่มแล้ว เหมือนจะเก็บไว้กินในครั้งหน้าอะไรแบบนี้ แต่ว่าส่วนมากฟอร์เต้ก็จะลืมตลอดว่าตัวเองเอาขนมมาแอบไว้ ยิ่งถ้าเป็นกระดูกที่ไว้แทะเล่นบางทีก็จะขุดเอาลงไปซ่อนเลยก็มีคิดว่าสัตว์เลี้ยงสามารถเยี่ยวจิตใจได้จริงไหมแก้มว่าได้นะ เพราะว่าสัตว์เลี้ยง ถ้าเราเลี้ยงเขาแล้วเราก็คงมองเขาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ยิ่งถ้าเราเลี้ยงเขามาเป็นเวลานาน อย่างฟอร์เต้ก็เลี้ยงมา10 กว่าปีแล้ว เราก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับเขา คือตอนนี้เรามองเขาเป็นพี่เป็นน้องเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราไปแล้ว เวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ยังมีฟอร์เต้ที่อยู่ข้าง ๆ แก้มเลยคิดว่าสัตว์เลี้ยงสามารถเยี่ยวยาเราในยามที่เรามีปัญหาได้จริง ๆ ค่ะคิดว่าความสำเร็จในชีวิตคืออะไร แล้วตัวเองประสบความสำเร็จหรือยังแก้มคิดว่าตัวเองยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำอยู่ ก็เลยคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จขนาดนั้น และแก้มก็คิดว่าความสำเร็จในชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน สำหรับแก้มมันไม่ได้อยู่ที่ตัวเงินมากมายขนาดนั้น แต่แก้มว่ามันขึ้นอยู่ที่เราหาเงินมาแล้วเอาเงินนั้นไปใช้ประโยชน์ไปใช้สร้างความสุขให้กับครอบครัวและกับตัวเราได้อย่างไรมากกว่า คุณแก้มยังมีสินค้าน่ารัก ๆ อื่นอีกมากมายอาทิเช่น Esther Bunny แล้วก็ปลายปีจะมี BT21 และ Disney อีกด้วย เรียกได้ว่ายกทับความน่ารักมาแบบจัดเต็มเลย*เขาอยู่ข้าง ๆ เราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำอะไรหรือเป็นอะไร เรารับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงจากเขา ว่าเขาไม่ไปไหนแน่นอน ช่องทางการติดต่อธุรกิจIG: carebears_thailandemail: contact@taketoys.co.th, www.taketoys.co.th                ช่องทางติดต่อของคุณแก้มIG: gamaksorn
23 Jan 2023
“anima ผลงานสะท้อนความรู้สึกแต่ฝังลึกในความทรงจำ โดยเนียม มะวรคนอง”
PPet จุดเริ่มต้นที่ชอบงานศิลปะ ถ้าถามว่าเป็นพรสวรรค์หรือพรแสวงไม่แน่ใจเลย เพราะเราเริ่มจากการชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆ และได้มีโอกาสเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดบ้างมองงานศิลปะของตัวเองเป็นแบบไหนงานของเราจะเป็นงานจากภายในไปสู่ภายนอกมากกว่า ส่วนใหญ่จะวาดภาพจากความคาใจ ความทุกข์ ความรู้สึกของตัวเอง จะไม่ค่อยสะท้อนสังคมสักเท่าไหร่นักคิดว่าข้อจำกัดทางด้านร่างกายของตัวเองมีผลต่องานไหม ในช่วงเรียนจะมีปัญหากับอาจารย์มากกว่า (หัวเราะ) เพราะเราแยกโทนสีน้ำเงินกับสีม่วงไม่ค่อยออกเลยแก้ปัญหาด้วยการเพ้นท์สีแบบโมโนโทนไป พอช่วงทำงานเลยใช้สีแบบตามใจมากขึ้นและเราก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นข้อจำกัดแล้ว มองว่าเป็นข้อดีด้วยซ้ำ พอเห็นสีน้อยกว่าคนอื่นทำให้เราไปละเอียดอ่อนในเรื่องแสง เรื่องเงามากขึ้น เรามองให้มันเป็นพรมากกว่ามองเป็นข้อจำกัดแรงบันดาลใจของผลงานชุด ‘anima’เรานึกถึงคำว่า animal ที่ตัดตัว l ออกไป พอตัดออกแล้วรู้สึกว่ามันน้อยและสวย จริงๆ คำนี้แปลว่าชีวิต วิญญาณด้วย เข้ากับสัตว์ที่วาดและด้วยเสียงที่ใช้ออกคำว่า anima มันดูอ่อนโยน ก็เลยชอบคำนี้ แรงบันดาลใจของผลงานชุด ‘anima’ เรานึกถึงคำว่า animal ที่ตัดตัว l ออกไป พอตัดออกแล้วรู้สึกว่ามันน้อยและสวย จริงๆ คำนี้แปลว่าชีวิต วิญญาณด้วย เข้ากับสัตว์ที่วาดและด้วยเสียงที่ใช้ออกคำว่า anima มันดูอ่อนโยน ก็เลยชอบคำนี้ ทำไมสัตว์ในภาพถึงต้องแอบ อยากสื่อถึงว่าสัตว์ที่ปรากฎในภาพไม่ใช่สัตว์จริงๆ แต่เป็นเหมือนวิญญาณที่ใช้แทนความรู้สึก เวลาเข้าบ้านใหม่ เจอที่โล่งๆ จะมีความกลัว ความกังวล เปรียบเหมือนผืนผ้าใบว่างๆ ที่ทำให้เกิดจินตนาการและสะท้อนความรู้สึกออกมา คล้ายกับแมวเวลากลัวสถานที่ใหม่ๆ มันก็จะชอบไปแอบ เดินแบบระแวดระวัง ได้เจาะจงสัตว์ที่จะวาดในแต่ละภาพไหมจริงๆ ไม่ได้กำหนดเลย เราจะนั่งสังเกตแต่ละห้องก่อนแล้วค่อยเริ่มวาด อย่างภาพห้องน้ำไม่ได้คิดแต่แรกว่าจะเป็นฉลาม พอเห็นแล้วนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เล่นน้ำในอ่างน้ำ นึกถึงทะเลก็เลยวาดฉลาม แต่ละห้องที่เห็นให้ความรู้สึกแบบไหนโผล่ขึ้นมาเราก็จะวาดอันนั้นใช้ระยะเวลาในการวาดผลงานชุดนี้นานเท่าไหร่ ทั้งหมดประมาณ 2 ปี บางภาพก็ใช้เวลาไม่นาน อย่างภาพบานประตูนั้นใช้เวลาสัปดาห์เดียว ภาพนกเค้าแมววาดอยู่เดือนนึง ภาพปลาวาฬวาดอยู่สองเดือน ที่นานเพราะแก้เยอะ กว่าจะมาเป็นปลาวาฬก็มีสัตว์มาแล้วหลายตัว ความทรงจำรูปนี้เราจะวาดเกี่ยวกับพ่อที่จากไป ตอนวาดเสร็จรู้สึกว่ายังสื่ออารมณ์ไม่ดีพอ เลยเปลี่ยนมาเรื่อยๆ จนเป็นปลาวาฬถึงโอเค เป็นหนึ่งในรูปที่เราชอบที่สุด อีกภาพคือภาพนกเค้าแมว อยากเอาไปติดที่บ้านเอง(หัวเราะ)บางภาพทำไมถึงกลับหัวอยากให้มุมมองมันแปลก เหมือนกับเวลาที่รู้สึกแปลกกับสถานที่ อยากจะสื่อถึงว่าตัวเรายังไม่คุ้นกับสถานที่ ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกับบ้าน พอได้ลองวาดกลับหัวเหมือนได้เห็นจินตนาการใหม่ๆ ในสถานที่เดิม เป็นการเล่นสนุกไปเรื่อย ไม่ได้คิดเยอะเลย (ยิ้ม)สังเกตว่าผลงานมีหมีขาวค่อนข้างเยอะข้อแรกเพราะอยากสื่อถึงวิญญาณสีขาว อีกอย่างนึงสีขาวแทนความบริสุทธิ์ได้และเรารู้สึกว่าภาวะโลกร้อนในปัจจุบันทำให้หมีไม่มีที่อยู่ มันเชื่อมโยงคล้ายกับเราตรงที่ต้องพรากจากบ้านเก่ามาอยู่บ้านใหม่เคยเลี้ยงสัตว์บ้างไหมเคยเลี้ยงแมว แต่ตายไปเมื่อสองปีที่แล้ว เลี้ยงมา 18 ปีเลยและเคยวาดแมวที่เลี้ยงบ้างไหมเคยวาดในผลงานชุดแมว จะเป็นแมวล้วนๆ  คิดยังไงกับการทำงานศิลปะในยุคนี้เราคิดว่ายุคสมัยก่อนยากตรงที่ศิลปินค่อนข้างน้อย คนสะสมงานน้อย ยุคนี้ศิลปินเยอะ คนสะสมงานเยอะขึ้น จะมีความแข่งขันสูงก็จะยากอีกแบบหนึ่ง ในยุคนี้จะง่ายตรงที่เราสามารถไปแสดงงานเมืองนอกได้ สำหรับเราทำงานศิลปะมาตลอดก็จริง แต่กว่าจะขายงานได้ใช้เวลา 10 ปี ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าลำบากและเลิกล้ม แต่เรารู้สึกว่ามันเลี้ยงความสุขและจิตใจของเราได้ ทำให้เราทำอยู่ได้แม้ไม่ได้ตังค์ (ยิ้ม)ในอนาคตมีแพลนอย่างไรต่อไม่ได้กำหนดตายตัวเพราะงานแต่ละชุดจะทำตามชีวิตช่วงนั้น ส่วนช่วงนี้อยู่แต่บ้าน ความอยู่แต่บ้านนานๆ ก็จะเป็นผลงานชุดต่อไป (หัวเราะ)ติดตามผลงานได้ที่ IG: niam_al       
20 Jan 2023
“เพราะสุขภาพขนของน้องหมาน้องแมวสำคัญต่อ "Hubpy Organic”
เพราะสุขภาพขนของน้องหมาน้องแมวสำคัญต่อ”Hubpy OrganicPet Hipster จะพามารู้จัก “คุณเบิร์ด ทรงวุฒิ พัฒนศิลาพร” กับ “คุณซัน วรุฒ สังข์บัวแก้ว”  ผู้สร้างผลิตภัณฑ์แชมพูสำหรับน้องหมาน้องแมวออร์แกนิค “Hubpy Organic”“ที่มาของ Hubpy Organic”เบิร์ด: แบรนด์ Hubpy Organic เกิดจากคำถามง่ายๆ ว่าเราจะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสัตว์เลี้ยงและเจ้าของได้อย่างไรบ้าง ตัวของผมเองเลี้ยงหมา และอยากจะมีของดีให้หมาใช้ เลยไปคุยกับคุณซันดูว่าเราทำอะไรได้บ้างซัน : ตอนนั้นคุณเบิร์ดมาบอกว่าอยากได้ผลิตภัณฑ์ของสุนัขที่พรีเมี่ยม ซึ่งพอเรามาสำรวจท้องตลาดดูแล้วพบว่า ผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมในไทยยังไม่ค่อยมี และพอดีว่าครอบครัวผมส่วนใหญ่จบวิทยาศาสตร์มาหมด ผมเลยมีความใกล้ชิดกับแหล่งวัตถุดิบต่างๆที่ใช้กับสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว เราก็เลยมาคุยกันว่าจะมาทำสินค้าพรีเมี่ยมส่งมอบให้กับสัตว์เลี้ยง“ช่วยเล่าถึงความเป็นมาของชื่อ Hubpy Organic ให้ฟังหน่อยเบิร์ด : คำว่า “hub of happiness for pets” “Hub” ก็คือศูนย์กลาง “Hubpy” ก็คือมาจากคำว่า “Happy” บวกกับคำว่า “Hub” ก็เลยอยากให้แบรนด์เราเป็นศูนย์กลางของความสุขสำหรับสัตว์เลี้ยง“แรงบันดาลใจในการทำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค”เบิร์ด : ตัวผมเลี้ยงน้องหมาเป็น 10-20ปี ซึ่งอย่างน้องหมาตัวที่ผมรักที่สุดเลย ก็มีปัญหาไม่ได้ต่างจากคนอื่น บ้างทีไปกอดไปหอมก็มีกลิ่นติดออกมา และก็มีปัญหาเรื่องผิวหนัง คือผิวหนังของน้องหมาน้องแมวคือบางกว่าผิวหนังของคน พออาบบ่อยๆ เค้าก็ระคายเคือง เราก็เลยเข้าใจถึงปัญหาที่ทุกคนเจอ ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ“ทำไมต้องเลือก Hubpy Organic”ซัน : เราทำ Hubpy Organic ขึ้นมา เพื่อมาตอบสนองความต้องการของตัวเราเอง ไม่ว่าจะวัตถุดิบหรือกลิ่น เราก็เลือกใช้วัตถุดิบที่อ่อนโยนมากๆ ดังนั้นคนที่ชอบผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวของสัตว์เลี้ยงก็อยากให้เลือก Hubpy Organic“อนาคตคิดว่า Hubpy Organic จะเติบโตไปในทิศทางไหน”เบิร์ด : สำหรับการเติบโตที่เราวางไว้ คือจุดเริ่มต้นของเรา เราต้องการให้ Hubpy Organic ไปอยู่ในจุดที่เรียกว่าคนที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมว รักพวกเค้าเหมือนลูก อยากให้ Hubpy Organic เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับคนรักสุขภาพของน้องหมาน้องแมว โดยที่เราไม่ได้เน้นที่การสร้างยอดขายเป็นหลัก เพราะตั้งแต่เราเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์“จุดมุ่งหมายเดียวของ Hubpy Organic ก็เหมือนกับจุดเริ่มต้น คือเราอยากส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและดีต่อสุขภาพของน้องหมาน้องแมวที่คุณรัก”“ให้ฝากถึงทุกคน”เบิร์ด : วันนี้ Hubpy Organic ก็ขอฝากไว้ด้วยสำหรับคนที่ต้องการอาบน้ำน้องหมาน้องแมว ใครที่มองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพก็ขอฝาก Hubpy Organic ไว้ด้วยนะครับ ซัน : ทางเราและทีมวิจัยของเราตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้มาก ทำจากคนที่รักหมาแมวจริงๆ และก็อยากให้น้องหมาน้องแมวใช้ของที่มีคุณภาพและอ่อนโยน ยังไงก็ฝากผลิตภัณฑ์ของเราด้วยครับ
20 Jan 2023
‘Is an Everything’ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากให้ JerHigh เป็น
‘Is an Everything’ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากให้ JerHigh เป็น     จากข้อมูลทางสถิติชี้ว่า ในปี 2022 เทรนด์ Pet Humanization หรือกลุ่มคนที่เลี้ยงและรักสัตว์เลี้ยงเหมือนคนในครอบครัวนั้นเพิ่มมากขึ้นหลังต้องอยู่บ้านนาน ๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโรคร้าย จึงอาจทำให้หลายคนมองว่า ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงก็คงจะเติบโตขึ้นได้ง่าย ๆ เช่นกัน แต่ในความเติบโตที่ว่านี้ ก็ยังเต็มไปด้วยการแข่งขันทางการตลาด ความพยายามในการปรับตัวเพื่อให้เท่าทันเทรนด์สมัยใหม่ หรือแม้แต่การบริหารที่ต้องคงไว้ซึ่งคุณภาพและความเชื่อใจที่ลูกค้ามีให้ต่อแบรนด์     Inspiration ฉบับนี้ Pet Hipster จึงขอพาทุกคนไปร่วมพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับ ‘คุณกบ’ กิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ทฟู้ด จำกัด ถึงแรงบันดาลใจในการบริหารธุรกิจแบรนด์อาหารสุนัข ที่ทำให้ ‘JerHigh คือทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากให้เป็น’ ได้จริงธุรกิจที่เริ่มต้นจาก ‘ความรัก’เริ่มต้นด้วยการถามถึงความเป็นมาของแบรนด์อาหารสุนัขที่ชื่อ JerHigh คุณกบตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เราพัฒนาขนมสุนัขแบรนด์เจอร์ไฮ ภายใต้แนวคิด ‘Feed me with love’ เพื่อเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่เชื่อมโยงความรักที่ยิ่งใหญ่ระหว่างผู้เลี้ยงและน้องสุนัขไว้ด้วยกัน จากการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่งเพื่อให้สุนัขได้ทานของอร่อยเปรียบดังอาหารของมนุษย์ เพื่อให้น้องหมามีสุขภาพดี อายุยืนยาว เพราะสินค้าที่คุณภาพดีก็จะตอบโจทย์ให้ทั้งผู้เลี้ยงและน้องสุนัขได้ใช้ชีวิตและมีความสุขร่วมกันไปนาน ๆ‘เพราะสุนัขเป็นได้ทุกสิ่งที่คุณอยากให้เป็น’ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง สมาชิกในครอบครัว'        จึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาก เพื่อให้เจอร์ไฮเป็นสื่อกลางในการจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์และผลักดันให้เกิดสิ่งต่าง ๆ อย่างการพาน้องหมาไปดูหนังครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ทำมาทั้งหมด 16 เรื่อง หรือจะเป็นการพาน้องหมานั่งรถไฟไปทำความดีร่วมกัน เดินห้างสรรพสินค้าด้วยกัน รวมทั้งเติมเต็มความรักให้กับเหล่าสุนัขไร้บ้าน เช่น โครงการหมอหมาใจหล่อ การรณรงค์เลี้ยงสุนัขอย่างมีความรับผิดชอบ เป็นต้น‘มีความรักและความสุขในการทำงาน’ ช่วยธุรกิจก้าวทันทุกความเปลี่ยนแปลง“เราทุกคนเหมือนมีโลกอยู่ 2 ใบ คือ ในชีวิตจริง และในโซเชียลมีเดียที่ทุกวันนี้เราใช้เวลาไปกับมันค่อนข้างเยอะ ซึ่งหลังจากนี้เราจะเข้าสู่ Metaverse ที่ยิ่งใหญ่ เจอร์ไฮเองก็ต้องพร้อมที่จะเข้าไปเติมเต็มไลฟ์สไตล์ Digital Customer และชุมชนในโลกเสมือนจริงนี้เช่นกัน ด้วยคำว่า Digitalization เราจึงจะต้อง transform องค์กรให้ทัน ซึ่ง 1 ในจิ๊กซอว์สำคัญก็คือ ‘น้องชิบะ สุนัข Virtual Influencer ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแรกในเอเชียที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อเติมเต็มความสุขให้กับทุกคน และในอนาคตก็จะมีการพัฒนาน้อง ๆ ตัวใหม่ ๆ ขึ้นอีกด้วย‘ผมเชื่อว่า การที่เรามุ่งมั่นที่จะทำอะไรให้สำเร็จส่วนหนึ่งมาจากความชอบและความรักในสิ่งๆนั้น ซึ่งถ้าเราชอบ เราจะทำมันได้อย่างดีและมีความสุข’เหมือนกับเจอร์ไฮที่เปรียบเสมือนองค์กรของเหล่าคนรักสุนัข เราจึงมุ่งมั่นทำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมเต็มความสุขอย่างต่อเนื่อง และต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาเพื่อเปิดรับสิ่งใหม่ เพราะทุกธุรกิจมีปัญหาแต่เราก็ต้องเปลี่ยนมุมมองและปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยอยู่เสมอ”                จากรอยยิ้มและแววตาที่มุ่งมั่นตลอดบทสนทนาของผู้บริหารท่านนี้ ทำให้พวกเรา Pet Hipster เชื่อแล้วว่า JerHigh จะช่วยเติมเต็มความสุขให้ทั้งผู้เลี้ยงและสุนัขได้อย่างแท้จริง
30 Nov 2022
Canagan อาหารจากบรรพบุรุษที่พัฒนามาเพื่อสุนัขและแมวสมัยใหม่
THE FOOD OF THEIR ANCESTORS        ในปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยนับว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยเจ้าของเองก็มองเหล่าสัตว์เลี้ยงเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว ทำให้สิ่งที่สำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเลยนั่นก็คือ ‘สุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง’ เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกันกับเราไปนาน ๆ         ‘คุณเอ้’ ธัญพวัชร กรรัตน์เสถียร ผู้จัดการ บริษัท เพทเทอร์นารี่ จำกัด ผู้นำเข้าอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงแบรนด์ ‘CANAGAN’ เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความตั้งใจและความพยายามที่จะนำอาหารมาให้น้องหมาและน้องแมวของตัวเองได้ทานอาหารที่ดีที่สุด ผลตอบแทนของความพยายามในครั้งนี้คือ สุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงของคุณเอ้เอง และยังได้แบ่งปันอาหารคุณภาพดีให้กับเพื่อน ๆ ที่รักสัตว์เลี้ยงอีกด้วย          จุดเริ่มต้นของคุณเอ้จะเรียกว่าธรรมดาก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะในตอนแรกคุณเอ้ก็ให้อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีตามท้องตลาดทั่วไปกับน้องหมาน้องแมวที่บ้าน แต่ด้วยแฟนที่เลี้ยงแมวหลายตัว แถมยังมีหลายสายพันธุ์ หลายช่วงอายุ ทำให้ต้องซื้ออาหารที่แตกต่างหลากหลายแบรนด์ แต่มีน้องแมวอยู่ตัวหนึ่ง ที่แพ้อาหารจำพวกกลูเตนจากข้าวโพดทำให้ไม่สามารถทานอาหารแมวทั่วไปได้ ประกอบกับช่วงนั้นอาหารของน้องแมวเจ้าประจำก็กำลังจะเลิกนำเข้ามาขาย ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็คงคิดว่าซื้อแบรนด์อื่นให้กินก็ได้ แต่คุณเอ้ไม่คิดแบบนั้น         คุณเอ้และแฟนเริ่มปรึกษากันว่า “จะหาอาหารสุนัขและแมวที่ดี ๆ ที่ตอบโจทย์ตามที่เราต้องการแล้วนำเข้ามาเองเลยไหม”        หลังจากนั้นคุณเอ้ก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับส่วนผสมต่าง ๆ ของทั้งน้องหมาและน้องแมว รวมไปถึงวิธีการเลี้ยงดูที่เหมาะสม และสารอาหารที่พวกเขาควรได้รับเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี“ทุ่มเทเวลาในการเดินทางไปร่วมงาน Pet Fair ที่ประเทศต่าง ๆ เพื่อที่จะหาอาหารที่เหมาะและตอบโจทย์สำหรับน้องหมาน้องแมวของตัวเอง จนได้มาเจอกับ CANAGAN”      ในตอนแรกได้นำอาหารมาให้กับน้องหมาน้องแมวของตัวเองได้ลองทาน ผลปรากฏว่าร่างกายของทั้งน้องหมาและน้องแมวดูดีและสุขภาพก็ดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้น้องๆ ทุกสายพันธุ์ ทุกช่วงอายุยังสามารถทานด้วยกันได้ น้องแมวที่แพ้กลูเตนก็สามารถทานได้เช่นกัน ทางคุณเอ้กับแฟนจึงมีความคิดต่อยอดว่า     “ถ้าน้องหมาน้องแมวที่บ้านเรากินแล้วดี ทำไมเราไม่แบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ที่เลี้ยงเหมือนกัน” นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณเอ้นำอาหารคุณภาพดีและยังเป็นที่จดจำของคนที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมวอย่าง ‘CANAGAN’ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ       จากจุดเริ่มต้นดำเนินมาจนถึงตอนที่คุณเอ้นำเข้าแบรนด์ ‘CANAGAN’ เข้ามา จะเห็นว่า คุณเอ้เองเริ่มต้นจากความรักและการลงทุนลงแรงอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับน้องหมาน้องแมวของตัวเอง และยังอยากแบ่งปันสิ่งที่ดี ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ที่รักสัตว์เลี้ยงทุกคนอีกด้วย เรียกได้ว่า สิ่งที่คุณเอ้นำเข้ามาเป็นอาหารที่บรรจุทั้งคุณภาพและความเอาใจใส่อัดแน่นเต็มถุงเลย        สุดท้ายนี้ คุณเอ้ได้ฝากถึงคนที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจหรือกำลังจะเริ่มทำบางสิ่งบางอย่างด้วยนะครับ “ตอนแรกผมก็แค่อยากให้น้องหมาน้องแมวของเราทานอาหารที่ดี และอยากจะส่งต่อความปรารถนาดีของเราไปให้คนอื่นด้วย เลยอยากให้เริ่มด้วยความคิดและความปรารถนาที่ดีก่อน อาจจะเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจ สิ่งที่เรารัก แล้วก็ตั้งใจศึกษาให้ดีและตั้งใจลงมือทำเลยครับ แล้วเราจะรู้สึกมีความสุขกับมัน”
30 Nov 2022
พบปะ ‘คุณขมิ้น’ เจ้าของภาพวาดโดดเด่นกับลายเส้นและคาแรกเตอร์สัตว์ที่ไม่เหมือนใคร
พูดคุยกับ ‘คุณขมิ้น’ เจ้าของภาพวาดโดดเด่นกับลายเส้นและคาแรกเตอร์สัตว์ที่ไม่เหมือนใคร    วันนี้เราอยู่กับ ‘คุณขมิ้น’ เพียงขวัญ คำหรุ่น เจ้าของเพจ kamijn ที่มีผลงานภาพวาดอันโดดเด่น เรียกว่ามองแวบเดียวสามารถรู้ได้เลยว่าลายเส้นนี้เป็นของใคร เรานัดสัมภาษณ์ที่ออฟฟิศใหม่ของคุณขมิ้น เจ้าตัวเดินยิ้มรับมาแต่ไกลพร้อมเปิดประตูให้เราและทีมงานเข้าไปข้างใน    ภายในเป็นตึกโล่งโปร่งที่กำลังตกแต่งเพื่อใช้เปิดเป็นสตูดิโอสอนวาดภาพและ Workshop ให้กับเด็กและผู้ใหญ่ที่สนใจศิลปะ บนชั้นสองเราสังเกตเห็นภาพวาดหลากหลายเทคนิค ซึ่งผลงานส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหน้าของสัตว์ โดยเฉพาะหน้าน้องแมวความชอบก่อเกิดเป็นผลงานคุณขมิ้นเรียนจบจากแขนงที่เกี่ยวกับการวาดภาพโดยตรง ด้วยความชอบและสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังเรียนจบจึงมองหางานที่เกี่ยวข้องในด้านนี้ ส่วนที่เลือกเรียนวาดภาพ เพราะส่วนตัวแล้วคุณขมิ้นคิดว่า “การวาดภาพเป็นเหมือนบันไดขั้นแรกของการแตกแขนงไปสาขาอื่นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดองค์ประกอบหรือการเลือกมุมมองต่างๆ”เราถามคุณขมิ้นต่อว่า ทำไมต้องใช้คาแรกเตอร์สัตว์เป็นหลักในภาพวาด ยิ่งหน้าแมวจะเห็นได้บ่อยที่สุด คุณขมิ้นยิ้มและอธิบายให้ฟังว่า “เพราะเราชอบสัตว์ โดยเฉพาะแมว ที่บ้านก็เลี้ยงไว้หลายตัว จึงหยิบจับหน้าแมวใส่ในภาพวาดแทนหน้าคน ผลงานที่ออกมาก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่าง มีความขี้เล่นและสนุกสนานในภาพมากขึ้น” ยกตัวอย่างแมวที่ชื่อ ‘เห็ดหอม’ ที่โผล่มาให้เห็นบ่อยๆ เนื่องจากเป็นแมวที่คุณขมิ้นผูกพันมานาน พร้อมบอกต่อว่า “อยากวาดให้รู้สึกว่าเค้าไปกับเราในทุกที่ เป็นเหมือนตัวแทน น้องแมวเห็ดหอมเลยเป็นคาแรกเตอร์หลักของผลงานไปแล้ว”ความรู้สึกขณะนั้นหรือประสบการณ์จริงที่เจอเราถามคุณขมิ้นว่า ส่วนใหญ่แล้วเวลาวาดภาพมักใช้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะนั้นหรือเอาประสบการณ์ที่เจอรอบตัวมาเป็นจุดตั้งต้นในการวาด “ส่วนใหญ่แล้วผลงานที่วาดจะใช้ประสบการณ์ในขั้นแรก เหมือนมีการวางแผนว่าจะทำอะไร สเก๊ตช์ภาพไว้คร่าวๆ ก่อนและตอนลงมือวาดจริงอาจจะมีความรู้สึกบวกเพิ่มเข้าไป” เราหันไปเห็นภาพวาดจากภาพยนตร์เรื่อง Forest Gump ฉากที่ฟอร์เรสท์นั่งบนเก้าอี้ แต่ต่างจากในหนังตรงที่ในภาพจะใส่หน้าแมวแทน จึงอดที่จะถามไม่ได้ว่าภาพนี้คุณขมิ้นเริ่มวาดได้ยังไง คุณขมิ้นก็เลยไขข้องสงสัยให้ว่า “เพราะเป็นคนชอบดูหนัง ถ้าช่วงไหนอินกับการดูหนัง ก็จะวาดฉากต่างๆ ในหนังบ่อยๆ ”  นั่นเองการวาดภาพก็เหมือนการทดลองส่วนใหญ่เวลาที่เราถามคุณขมิ้นเรื่องเทคนิคที่ถนัดในการวาดภาพหรือความชอบในการวาด ระหว่างวาดบนกระดาษ แท็บเล็ต หรือเพ้นท์ผนัง ชอบแบบไหนมากกว่ากัน คุณขมิ้นจะหยุดคิดนิดนึงและตอบเหมือนเดิมว่า “ไม่มีอันไหนที่ถนัดหรือชอบมากที่สุด แต่ละแบบมันขึ้นอยู่กับเทคนิคที่อยากจะใช้ตอนไหน ซึ่งก็เหมือนเป็นการทดลองกับตัวเรา เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง”ต่อยอดจากการวาดภาพนอกจากจะเป็นศิลปินอิสระแล้ว คุณขมิ้นยังรับสอนวาดภาพด้วย สอนได้ตั้งแต่เด็กๆ จนถึงผู้ใหญ่ รวมถึงมี Workshop ให้กับคนที่สนใจ คุณขมิ้นบอกกับเราว่าเคยสอนเด็กๆ มาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่และรู้สึกสนุกเวลาที่ได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กๆ ให้เค้าได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่ ปัจจุบันเลยขยับขยายงานเป็นสอนออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดจึงต้องมีการปรับตัว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือสินค้าของคุณขมิ้น “เพราะเราชอบอะไรเล็กๆ กระจุกกระจิกอยู่แล้ว เลยเกิดไอเดียที่อยากจะให้ผลงานออกมาเป็นสินค้า ซึ่งอาจเจอได้ตามร้านขายของที่ระลึก ร้านเครื่องเขียนและงานอีเว้นท์ต่างๆ” ทำออกมาได้น่ารักมากๆ ด้วยสิ่งที่กำลังสนใจช่วงนี้คุณขมิ้นเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้กำลังสนใจเรื่องของการเปิดคอร์สสอนวาดภาพออนไลน์มากขึ้น มันเป็นอะไรที่ใหม่เพราะมันมีทั้งเรื่องของการตลาด การวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้คนเห็นเยอะๆ รวมถึงการคิดหัวข้อที่จะสอน ต้องศึกษาเพิ่มเติม แถมยังมีโปรเจคใหม่คือรับออกแบบและเพ้นท์ผนังให้กับร้านค้า โรงแรมหรือแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการงาน Mural หรือ Graffiti ไว้ให้ลูกค้าถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ ด้วยสุดท้ายก่อนจะขอตัวกลับ เราแวบถามถึงที่มาของคำว่า Kamijn ที่คุณขมิ้นใช้ทั้งในไอจีและในเพจว่ามันมีที่มาอย่างไร จะอ่านเป็นคำว่าขมิ้นก็ไม่ได้เพราะมีตัวเจอยู่ คุณขมิ้นยิ้มนิดหนึ่งก่อนอธิบายให้ฟังว่า “มันเป็นการรวมตัวกันของคำว่าขมิ้นและจันทร์ ที่เป็นฉายาตั้งแต่สมัยเรียน จึงเกิดเป็นการรวมคำว่า kamin กับ j เข้าด้วยกันและใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน” เรียกว่าแค่ชื่อก็มีสไตล์เป็นของตัวเองแล้ว สามารถติดตามผลงานคุณขมิ้นได้ทาง IG: p_kamjin, FB Page: kamijn และ www.kamijn.com ใครอยากเรียนวาดภาพไปที่ IG และเพจ kamijnschool อยากช้อปสินค้าน่ารักๆ IG: kamijnstore แต่ถ้าสนใจอยากให้เพ้นท์ผนังให้ต้องที่ www.art-schmart.com
03 Nov 2022