PetHipster Magazine No.68พบกับนิตยสาร PetHipster ฉบับที่ 68 แบบ E-book Edition ในธีม 'Happy Sweetie Family' กับสุนัขไส้กรอกสุดน่ารักของบ้าน 'เดี๊ยกและผักสลัดของเขา' และน้อง 'LuckyCav ลัคกี้ค้าบลัคกี้ครับ'PetHipster E-Book No.68 >>  https://pethipster.co/e-booking-jan/หรือสแกนคิวอาร์โค้ดตามภาพด้านล่างได้เลย!!เล่มต่อไปจะเป็นธีมอะไร? อย่าลืมติดตามกันได้เลยที่...Facebook Page: PetHipster >> https://www.facebook.com/PetHipsterInstagram: PetHipster >> https://www.instagram.com/pethipster/Tiktok: Pet_Hipster >> https://www.tiktok.com/@pet_hipster?is_from_webapp=1&sender_device=pcYouTube: PETHIPSTER Official >> https://www.youtube.com/@pethipsterofficial4428

Pet Fair Southeast Asia 2023 สล็อตออนไลน์ เครดิตโบนัสได้เงินจริง slot938พร้อมกระตุ้นการลงทุนในภาคธุรกิจสัตว์เลี้ยงสำหรับภูมิภาคเต็มรูปแบบ กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 25 ตุลาคม 2566 – เริ่มแล้วอย่างยิ่งใหญ่กับงาน Pet Fair South East Asia 2023 (เพ็ท แฟร์ เซาท์ อีสต์ เอเชีย) งานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงเพื่อการเจรจาธุรกิจแบบครบวงจร ณ ศูนย์กลางการค้าระดับภูมิภาคอย่าง กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม BITEC กรุงเทพฯ ครอบคลุมพื้นที่การจัดงานกว่า 18,000 ตารางเมตร ซึ่งนับเป็นพื้นที่การจัดงานที่ใหญ่ขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับการจัดงานครั้งที่ผ่านมา ภายในงานผู้เข้าชมงานจะได้พบกับ 300 แบรนด์ชั้นนำจาก 40 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมหลากหลายโปรไฟล์ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง พร้อมต้อนรับนักลงทุนและผู้ซื้อรายสำคัญจากทั่วเอเชียที่มุ่งหน้าเดินทางมาเยี่ยมชมงาน ซึ่งถือเป็นงานระดับนานาชาติที่รวมผู้ประกอบการจากทั่วภูมิภาคและเป็นเวทีเจรจาการค้าเต็มรูปแบบที่พร้อมต้อนรับผู้เข้าชมงานจากนานาชาติที่ลงทะเบียนล่วงหน้ามาอย่างล้นหลามในปีนี้ โดยภาพรวมการจัดแสดงสินค้าครั้งนี้ได้คาดการณ์ผู้เข้าชมงานกว่า 10,000 ราย จาก 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีการลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเริ่มงานกว่าห้าพันราย อาทิ ประเทศมาเลเซีย, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, จีน, เกาหลี, อินโดนีเซีย, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และอื่นๆ พิธีเปิดงาน Pet Fair Southeast Asia 2023 อย่างเป็นทางการได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติในอุตสาหกรรม นำโดยนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์เป็นประธานเปิดงานในพิธี พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์อุดม จันทร์ประไพภัทร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอาหารสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตราฐานสินค้าปศุสัตว์, นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน), นาย David Zhong ประธานคณะกรรมการบริหาร และ รองประธาน เครือข่าย Asia Pet Alliance และ ประธาน Pet Fair Asia, คุณ Igor Palka กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค จำกัด และคุณ Johannes Kraus ผู้จัดการโครงการอาวุโส งาน เพ็ท แฟร์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการและเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการจากนานาชาติภายในงานคุณ Igor Palka (อิกอร์ เพาก้า) กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ผู้จัดงาน กล่าวถึงการเติบโตของการจัดงาน Pet Fair Southeast Asia โดยระบุว่างานนี้เริ่มจัดขึ้นในปี 2564 ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะกระตุ้นธุรกิจสัตว์เลี้ยงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรามุ่งมั่นพัฒนางานแสดงสินค้า B2B แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไทยซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างมาก งานในปีนี้ครอบคลุมพื้นที่นิทรรศการทั้ง 3 ฮอลล์ของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ โดยมีขนาดเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีที่ผ่านมา และมีแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 แบรนด์จาก 40 ประเทศ ครอบคลุมโปรไฟล์ของผู้แสดงสินค้าที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงที่หลากหลาย โดยมีกลุ่มธุรกิจบริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดถึง 29% ในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาตินี้ท่านจะเห็นได้จากการมีส่วนร่วมของแบรนด์ชั้นนำและพาวิลเลี่ยนระดับนานาชาติจากประเทศต่างๆ เช่น จีน, ไต้หวัน, เกาหลีใต้, แคนาดา และสหรัฐอเมริกานายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าว นโยบายหลักของ สสปน. เป็นหน่วยงานที่พร้อมสนับสนุนและขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจระดับโลกผ่านงานแสดงสินค้าภายในประเทศ และ Pet Fair South East Asia 2023 (เพ็ท แฟร์ เซาท์ อีสต์ เอเชีย) ครั้งนี้ก็ตรงกับนโยบายของเรา ทีเส็บเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า อุตสาหกรรม MICE จะเป็นอีกกลไกในการขับเคลื่อนตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยสู่อีกขั้นในอนาคต และจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนที่มีมูลค่าสูงขึ้น และได้ประโยชน์กันทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้จัดงาน ผู้แสดงสินค้า และผู้ซื้อสามารถเก็บเกี่ยวและแบ่งปันผลลัพธ์ที่ได้ทั้งสองฝ่ายจากการจัดงานแสดงสินค้านี้นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2565 ไทยมีมูลค่าส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงกว่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตกว่า 15% เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ให้ความสำคัญกับโภชนาการสัตว์เลี้ยงและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ มุ่งเน้นการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีการวิจัยและพัฒนาให้ได้มาตรฐานคุณภาพสูงระดับประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากทั่วโลก ประเทศไทยจึงมีบทบาทสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งด้านที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของประเทศและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลก สังเกตได้จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงานทดแทน และการพัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการสร้างอนาคตที่สดใสทางเศรษฐกิจ สร้างความตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมทางสังคม ในขณะเดียวกันก็เชิญชวนให้เกิดความร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศสำหรับอุตสาหกรรมนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน Pet Fair South East Asia ได้ที่เว็บไซต์ www.petfair-sea.com หรือ อีเมล petfairsea@vnuasiapacific.com###########################################เกี่ยวกับ งาน Pet Fair South East Asia 2023 งาน Pet Fair South East Asia เป็นงานแสดงสินค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านการจัดจำหน่าย การค้าปลีก และการจัดหาสินค้าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงระดับนานาชาติโดยเฉพาะ กรุงเทพฯ เมืองที่เป็นศูนย์กลางการค้าระดับภูมิภาค โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 25 ถึง 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เพื่อต้อนรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงระดับโลก โดยมีผู้แสดงสินค้าจาก 40 ประเทศ และผู้เข้าชมงานกว่า 10,000 รายจาก 70 ประเทศที่ตอบรับเข้าร่วมงานในปีนี้ ซึ่งตรงตามเป้าหมายหลักของการจัดงานที่มุ่งผลักดันให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่ตลาดระดับโลก และดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกผ่านการจัดงานแสดงสินค้าครั้งนี้ สำหรับบรรณาธิการและสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ อีเมล communications@vnuexhibitionsap.com หรือโทร 02-1116611 ต่อ 330 / 335 (วีเอ็นยูฯ) | www.petfair-sea.com / www.vnuasiapacific.com 

จริงหรือไม่ การเลี้ยงสุนัขพันธุ์อะไร ควรเลือกให้เหมาะสมกับบุคลิก และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนBy สพ.ญ.ปาลิดา กีร์ติบุตรสพ.ญ.ปาลิดา กีร์ติบุตร : จริงค่ะ เพราะว่าสุนัขแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะนิสัย ทักษะไหวพริบและธรรมชาติของเค้าต่างกัน การเลือกสุนัขสายพันธุ์ให้เหมาะกับผู้เลี้ยง ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะทำให้ทั้งผู้เลี้ยงและตัวสุนัขเองมีความสุข การมีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกันจะทำให้ทั้งคู่มีความสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน และจะไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีปัญหาในการใช้ชีวิตด้วยยกตัวอย่างง่ายๆ ประเภทสุนัขจะแบ่งเป็น7ประเภท เบื้องต้นก็จะมีประเภทที่ Activity มากหรือน้อยต่างกัน อย่างสุนัขพันธุ์ทอย เช่น ชิวาวา ชิสุ ก็จะเป็นสุนัขที่ไม่ต้องการพื้นที่เยอะ ติดเจ้าของ อาจจะเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงที่ไม่ค่อยชอบมี Activity กลางแจ้ง อยู่ในคอนโดเล็กๆ แบบนี้ก็จะไม่ทำในสุนัขเบื่อและไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตด้วยค่ะจริงหรือไม่ สุนัขแต่ละตัวมีโรคประจำสายพันธุ์ ผู้เลี้ยงอย่างเราๆควรดูแลอย่างไรสพ.ญ.ปาลิดา กีร์ติบุตร : จริงค่ะ สุนัขแต่ละประเภทยิ่งเป็นสุนัขพันธุ์แท้จะมีความเสี่ยงโรคประจำพันธุ์ได้แตกต่างกันตามสายพันธุ์ค่ะ ดังนั้นผู้เลี้ยงถ้าจะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ไหนควรศึกษาก่อนที่จะเลี้ยง เพื่อที่จะโฟกัสว่าเราจะต้องสังเกตอาการน้องก่อนที่เกิดโรค หรือสังเกตอาการและพามาหาคุณหมอตั้งแต่ช่วงแรกๆ เพื่อไม่ทำให้โรคเกิดไปมากแล้วถึงมาเจอ และอีกสิ่งก็คือการทราบความเสี่ยงของโรคประจำพันธุ์จะทำให้เราดูแลน้องได้ดีและง่ายขึ้น เลือกอาหารเลือก Activity ที่เหมาะกับน้องได้ดีขึ้นค่ะจริงหรือไม่ การเลี้ยงการดูแลที่ดีและเหมาะสม จะทำให้สุนัขอยู่กับเราได้นานขึ้น คำถามนี้คุณหมอมีความคิดเห็นอย่างไรสพ.ญ.ปาลิดา กีร์ติบุตร : จริงค่ะ สุนัขก็เหมือนกับคน ที่ต้องการการดูแลที่ดีทั้งการออกกำลังกาย การพบแพทย์เป็นประจำ การตรวจสุขภาพ รวมไปถึงการฉีดยาหรือฉีดวัคซีน การป้องกันพยาธิและเห็บหมัดต่างๆที่มากวนใจรวมไปถึงอาหารด้วยค่ะ การได้รับอาหารที่ดีมาจากวัตถุดิบที่ดีก็จะทำให้น้องๆมีสุขภาพที่ดี สุนัขหรือแมวก็เหมือนกับหนึ่งสมาชิกในครอบครัว เราดูแลสมาชิกในครอบครัวยังไง สุนัขกับแมวก็ต้องดูแลแบบนั้นค่ะจริงหรือไม่ ที่ผู้เลี้ยงพาสุนัขออกไปเทียวหรือเดินเล่นบ่อยๆ แล้วการพาเขาไปข้างนอกดีต่อตัวสัตว์เลี้ยงอย่างไร และต้องเตรียมตัวอะไรบ้างสพ.ญ.ปาลิดา กีร์ติบุตร : การที่พาน้องๆออกไปเที่ยวนอกบ้านหรือเดินเล่น จะช่วยสร้างไหวพริบและเสริมทักษะพัฒนาการทางด้านต่างๆให้น้องๆนะคะ รวมไปถึงด้านสุขภาพด้วย การเตรียมตัวอย่างน้อยๆก็ควรมีการทำวัคซีนเพื่อช่วยลดอาการเสี่ยงโรคต่างๆในการไปเจอสุนัขตัวอื่นๆ และการป้องกันเห็บหมัดเพราะการไปเดินสนามหญ้าหรือสถานที่ Outdoor อาจจะทำให้น้องติดปรสิตต่างๆได้ ดังนั้นควรป้องกันไว้ก่อนค่ะ อื่นอย่างหนึ่งในวันที่จะต้องเตรียมตัวออกไปเราควรจะมีสายจูงหรือว่าอุปกรณ์ต่างๆที่ทำให้เรา Control น้องๆได้ รวมไปถึงวัสดุที่จะใช้เก็บสิ่งปฏิกูลที่จะเกิดจากน้อง และกระบอกน้ำเพราะอากาศบ้านเราค่อนข้างร้อนควรจะเตรียมน้ำให้พร้อมเพื่อไม่ให้น้องเกิดภาวะลมแดดและฮีทสโตรกค่ะจริงหรือไม่ สุนัขว่ายน้ำเป็นทุกตัว/ และถ้าไม่ได้เราควรฝึกเค้าว่ายน้ำไหมสพ.ญ.ปาลิดา กีร์ติบุตร : ไม่จริงนะคะ ที่บอกว่าสุนัขว่ายน้ำได้ทุกตัวต้องบอกก่อนว่าตามสัญชาตญาณของสุนัขแล้ว สุนัขจะมีการตะกุยเมื่อเท้าของเค้าสัมผัสน้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกตัวจะไม่จมน้ำ ดังนั้นเราควรจะฝึกฝนก่อนในการลงน้ำครั้งแรกอาจจะมีอุปกรณ์ต่างๆในการช่วยก่อนหรือว่ามีคนช่วยพยุงน้องไว้ เพื่อให้น้องว่ายน้ำได้เป็นก่อนหลังจากนั้นเมื่อเรามั่นใจแล้วว่าน้องๆสามารถว่ายน้ำได้ถึงจะปล่อยให้เขาว่ายน้ำเองค่ะ จริงหรือไม่ สุนัขทุกตัวต้องการการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คุณหมอคิดว่าอย่างไรสพ.ญ.ปาลิดา กีร์ติบุตร : จริงนะคะ การออกกำลังนอกจากจะทำให้น้องๆมีสุขภาพที่แข็งแรงหัวใจเต้นปกติ และจะทำให้กล้ามเนื้อของน้องแข็งแรงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้ อีกทั้งก็ยังจะเป็นการพัฒนาทักษะต่างๆให้กับน้องๆ และสามารถทำให้น้องๆควบคุมน้ำหนักหรือว่ามีหุ่นที่ดีด้วยค่ะจริงหรือไม่ ที่เราควรพาสุนัขไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ สพ.ญ.ปาลิดา กีร์ติบุตร : จริงที่สุดค่ะ น้องๆควรได้มาเจอสัตวแพทย์ทุกๆ1ปีเป็นอย่างน้อย เพราะจะได้ตรวจดูร่างกายทั่วไปและก็ทำวัคซีนประจำปี นอกจากนี้การมาพบแพทย์จะทำให้เราสามารถพบกับปัญหาที่จะเกิดตั้งแต่เนิ่นๆ และหมอก็ยังแนะนำด้วยว่าถ้าเกิดน้องๆเริ่มมีอายุมากแล้วก็ควรไปเจอสัตวแพทย์ถี่มากกว่านั้น และถ้าน้องๆมีปัญหาทางด้านประจำตัวก็ต้องเจอกันในระยะเวลาสั้นกว่า1ปีด้วยค่ะ

ปัจจัยหลักของสัตว์เลี้ยงอย่างเรื่อง อาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของควรใส่ใจให้มากไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านโภชนาการ สารอาหารหรือส่วนผสมต่าง ๆ ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาร่างกายของพวกเขาให้เติบโตแข็งแรง โดยเฉพาะบ้านไหนที่กำลังมองหาอาหารที่ตอบโจทย์เรื่องการคุมน้ำหนัก สงสัยเรื่องความสมดุลของสารอาหาร ไม่อยากให้น้อง ๆ อ้วนจนเกินไป หลายคนชอบน้องหมาน้องแมวตัวฟู ๆ คิดว่าเหมาะกับน้อง ๆ ไหมต้องดูตามความเหมาะสมถ้ากินในประมาณที่เหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่ที่ขนฟู ตัวฟู เนื่องมาจากอาหารกลุ่มบำรุงผิวหนังและขนเป็นหลัก โดยจะมีส่วนประกอบของน้ำมันปลา กรดโอเมก้า 6 และ 3 ซึ่งเป็นส่วนประกอบของไขมันที่จะเหนี่ยวนำทำให้เกิดโรคอ้วนได้ง่ายขึ้นน้องหมาน้องแมว จำเป็นต้องคุมน้ำหนักไหมแนะนำให้คุมน้ำหนักในน้องหมาน้องแมวที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป เนื่องจากพวกเขามีกิจกรรมในแต่ละวันลดลง และระบบเผาผลาญที่น้อยลง อาจจะทำให้เขาเป็นโรคอ้วนได้ง่ายกว่าวัยอื่น ๆ ได้สัตว์เลี้ยงเหมือนคนไหม ที่ต้องกินอาหารให้ครบพลังงานที่จำเป็นในแต่ละวันจริง ๆ แล้วสัตว์เลี้ยงก็เหมือนคน คือต้องการสารอาหารและพลังงานในแต่ละวันอย่างเหมาะสม อย่างเช่น น้องหมาน้องแมวที่มีกิจกรรม เดินเล่น ออกกำลังกายเยอะ ก็ควรที่จะได้รับพลังงานมากขึ้นในแต่ละวัน ส่วนในสัตว์เลี้ยงที่อายุเยอะแล้ว ก็ควรที่จะได้รับพลังงานจากสารอาหารน้อยลง ตามกิจกรรมที่น้อยลงด้วยมีวัตถุดิบอะไรที่ช่วยเรื่องคุมน้ำหนักบ้างวัตถุดิบที่ช่วยเรื่องคุมน้ำหนัก มีจำพวกเนื้อแดง แอลคาร์นิทีน โพรไบโอติก และกลุ่มของเยื่อใย กากใยอาหารได้ยินว่าแอลคาร์นิทีนสูงช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ช่วยจริงไหมช่วยได้จริง เพราะแอลคาร์นิทีนคือสารที่น้องหมาน้องแมวสามารถสร้างขึ้นมาเองได้จากตับและไต ด้วยกรดอะมิโนไลซีนและเมไทโอนีน ซึ่งแอลคาร์นิทีนยังช่วยในการเผาผลาญไขมันมาเป็นพลังงานด้วยอาการน้องหมาน้องแมวแบบไหนที่บ่งบอกว่าน้ำหนักเริ่มมากเกินไปอาการที่บ่งบอก เช่น ไม่อยากขยับตัว ไม่อยากเล่น ขี้เกียจผิดปกติ รวมถึงสามารถให้สัตวแพทย์ดูได้เบื้องต้นจาก Body Condition Score (BCS) โดยมีเกณฑ์วัดอยู่ที่ 1-5 เช่น ในน้องหมาที่สมบูรณ์จะมีเกณฑ์อยู่ที่ระดับ 3 เต็ม 5 เป็นต้นสมดุลอาหารที่ดีส่งผลต่อระบบย่อยด้วยใช่ไหม อย่างไรส่งผลแน่นอน เพราะอาหารที่สมดุลมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของน้องหมาน้องแมว ให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์สุดท้ายคุณหมอมีคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารที่ช่วยเรื่องน้ำหนักอย่างไรบ้างในปัจจุบันเริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการควบคุมอาหาร และน้ำหนักตัวที่หลากหลายมากขึ้น อยากจะแนะนำให้เจ้าของเลือกอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อแดง กลุ่มโปรตีนและไขมันต่ำ กลุ่มของแอลคาร์นิทีนที่ช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมัน รวมถึงกลุ่มของไฟเบอร์ที่ช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร         สุดท้ายอยากจะฝากถึงพ่อแม่มือใหม่ สามารถที่จะพลิกหลังซองดู Daily Feeding ซึ่งก็คือปริมาณอาหารที่น้อง ๆ ควรได้รับต่อวัน หรือสำหรับน้อง ๆ ที่น้ำหนักตัวเยอะ แนะนำให้มองหาอาหารที่มีส่วนผสมของแอลคาร์นิทีน เพื่อช่วยในเรื่องการเผาผลาญ พวกเขาจะได้เติบโตแข็งแรงอย่างสุขภาพดี

จริงหรือไม่.... 7 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับสุนัขจริงหรือไม่ การเลี้ยงสุนัขพันธุ์อะไร ควรเลือกให้เหมาะสมกับบุคลิก และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนจริงค่ะ เพราะว่าสุนัขแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะนิสัย ทักษะไหวพริบและธรรมชาติของเค้าต่างกัน การเลือกสุนัขสายพันธุ์ให้เหมาะกับผู้เลี้ยง ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะทำให้ทั้งผู้เลี้ยงและตัวสุนัขเองมีความสุข การมีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกันจะทำให้ทั้งคู่มีความสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน และจะไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีปัญหาในการใช้ชีวิตด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ ประเภทสุนัขจะแบ่งเป็น7ประเภท เบื้องต้นก็จะมีประเภทที่ Activity มากหรือน้อยต่างกัน อย่างสุนัขพันธุ์ทอย เช่น ชิวาวา ชิสุ ก็จะเป็นสุนัขที่ไม่ต้องการพื้นที่เยอะ ติดเจ้าของ อาจจะเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงที่ไม่ค่อยชอบมี Activity กลางแจ้ง อยู่ในคอนโดเล็ก ๆ แบบนี้ก็จะไม่ทำในสุนัขเบื่อและไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตด้วยจริงหรือไม่ สุนัขแต่ละตัวมีโรคประจำสายพันธุ์ ผู้เลี้ยงอย่างเราๆควรดูแลอย่างไรจริงค่ะ สุนัขแต่ละประเภทยิ่งเป็นสุนัขพันธุ์แท้จะมีความเสี่ยงโรคประจำพันธุ์ได้แตกต่างกันตามสายพันธุ์ค่ะ ดังนั้นผู้เลี้ยงถ้าจะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ไหนควรศึกษาก่อนที่จะเลี้ยง เพื่อที่จะโฟกัสว่าเราจะต้องสังเกตอาการน้องก่อนที่เกิดโรค หรือสังเกตอาการและพามาหาคุณหมอตั้งแต่ช่วงแรก ๆ เพื่อไม่ทำให้โรคเกิดไปมากแล้วถึงมาเจอ และอีกสิ่งก็คือการทราบความเสี่ยงของโรคประจำพันธุ์จะทำให้เราดูแลน้องได้ดีและง่ายขึ้น เลือกอาหารเลือก Activity ที่เหมาะกับน้องได้ดีขึ้นจริงหรือไม่ การเลี้ยงการดูแลที่ดีและเหมาะสม จะทำให้สุนัขอยู่กับเราได้นานขึ้น คำถามนี้คุณหมอมีความคิดเห็นอย่างไรจริงค่ะ เพราะสุนัขก็เหมือนกับคน ที่ต้องการการดูแลที่ดีทั้งการออกกำลังกาย การพบแพทย์เป็นประจำ การตรวจสุขภาพ รวมไปถึงการฉีดยาหรือฉีดวัคซีน การป้องกันพยาธิและเห็บหมัดต่าง ๆ ที่มากวนใจรวมไปถึงอาหารด้วยค่ะ การได้รับอาหารที่ดีมาจากวัตถุดิบที่ดีก็จะทำให้น้อง ๆ มีสุขภาพที่ดี สุนัขหรือแมวก็เหมือนกับหนึ่งสมาชิกในครอบครัว เราดูแลสมาชิกในครอบครัวยังไง สุนัขกับแมวก็ต้องดูแลแบบนั้นจริงหรือไม่ ที่ผู้เลี้ยงพาสุนัขออกไปเทียวหรือเดินเล่นบ่อยๆ แล้วการพาเขาไปข้างนอกดีต่อตัวสัตว์เลี้ยงอย่างไร และต้องเตรียมตัวอะไรบ้างการที่พาน้อง ๆ ออกไปเที่ยวนอกบ้านหรือเดินเล่น จะช่วยสร้างไหวพริบและเสริมทักษะพัฒนาการทางด้านต่างๆให้น้องๆนะคะ รวมไปถึงด้านสุขภาพด้วย การเตรียมตัวอย่างน้อย ๆ ก็ควรมีการทำวัคซีนเพื่อช่วยลดอาการเสี่ยงโรคต่างๆในการไปเจอสุนัขตัวอื่น ๆ และการป้องกันเห็บหมัดเพราะการไปเดินสนามหญ้าหรือสถานที่ Outdoor อาจจะทำให้น้องติดปรสิตต่าง ๆ ได้ ดังนั้นควรป้องกันไว้ก่อนค่ะ อื่นอย่างหนึ่งในวันที่จะต้องเตรียมตัวออกไปเราควรจะมีสายจูงหรือว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้เรา Control น้อง ๆ ได้ รวมไปถึงวัสดุที่จะใช้เก็บสิ่งปฏิกูลที่จะเกิดจากน้อง และกระบอกน้ำเพราะอากาศบ้านเราค่อนข้างร้อนควรจะเตรียมน้ำให้พร้อมเพื่อไม่ให้น้องเกิดภาวะลมแดดและฮีทสโตรกจริงหรือไม่ สุนัขว่ายน้ำเป็นทุกตัว / และถ้าไม่ได้เราควรฝึกเค้าว่ายน้ำไหมไม่จริงนะคะ ที่บอกว่าสุนัขว่ายน้ำได้ทุกตัวต้องบอกก่อนว่าตามสัญชาตญาณของสุนัขแล้ว สุนัขจะมีการตะกุยเมื่อเท้าของเค้าสัมผัสน้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกตัวจะไม่จมน้ำ ดังนั้นเราควรจะฝึกฝนก่อนในการลงน้ำครั้งแรกอาจจะมีอุปกรณ์ต่างๆในการช่วยก่อนหรือว่ามีคนช่วยพยุงน้องไว้ เพื่อให้น้องว่ายน้ำได้เป็นก่อนหลังจากนั้นเมื่อเรามั่นใจแล้วว่าน้อง ๆ สามารถว่ายน้ำได้ถึงจะปล่อยให้เขาว่ายน้ำเองจริงหรือไม่ สุนัขทุกตัวต้องการการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คุณหมอคิดว่าอย่างไรจริงนะคะ การออกกำลังนอกจากจะทำให้น้องๆมีสุขภาพที่แข็งแรงหัวใจเต้นปกติ และจะทำให้กล้ามเนื้อของน้องแข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ อีกทั้งก็ยังจะเป็นการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้กับน้อง ๆ และสามารถทำให้น้องๆควบคุมน้ำหนักหรือว่ามีหุ่นที่ดีด้วยค่ะจริงหรือไม่ ที่เราควรพาสุนัขไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอจริงที่สุดค่ะ น้อง ๆ ควรได้มาเจอสัตวแพทย์ทุก ๆ 1ปีเป็นอย่างน้อย เพราะจะได้ตรวจดูร่างกายทั่วไปและก็ทำวัคซีนประจำปี นอกจากนี้การมาพบแพทย์จะทำให้เราสามารถพบกับปัญหาที่จะเกิดตั้งแต่เนิ่น ๆ และหมอก็ยังแนะนำด้วยว่าถ้าเกิดน้องๆเริ่มมีอายุมากแล้วก็ควรไปเจอสัตวแพทย์ถี่มากกว่านั้น และถ้าน้อง ๆ มีปัญหาทางด้านประจำตัวก็ต้องเจอกันในระยะเวลาสั้นกว่า1ปีด้วยค่ะ 

อาหาร Grain free โปรตีนคุณภาพสูงอธิบายคำว่า “Grain free” ให้เข้าใจง่ายขึ้น Grain free ถ้าแปลตรงๆก็แปลว่า ปราศจากธัญพืช ฉะนั้นอาหารที่ระบุว่า Grain free ก็คืออาหารที่ไม่มีส่วนผสมของธัญพืช อย่างเช่น ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด เป็นต้น และไม่มีส่วนผสมที่ผลิตจากธัญพืช เช่น กลูเตนและแป้ง เป็นต้น แต่ว่าคาร์โบไฮเดรต ที่สัตว์เลี้ยงควรได้รับก็ไม่ได้หายไป เพราะทางอาหาร Grain free เค้าก็มีแหล่งวัตถุดิบอื่นที่ให้คาร์โบไฮเดรตทดแทนอย่างเช่น มันฝรั่งหรือมันเทศอาการของสัตว์เลี้ยงที่แพ้อาหารเป็นยังไง ภาวะภูมิแพ้อาหารในสัตว์หรือว่าภาวะภูมิแพ้โปรตีนในอาหาร ส่วนมากก็คือน้องหมาน้องแมวจะมีอาการคัน อาการขนร่วง ซึ่งอาการคันก็จะมีอาการคันตลอดทั้งปี ซึ่งจะไม่สัมพันธ์กับฤดูกาลและนอกจากนี้จะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอย่างเช่น ท้องเสีย หรือว่ามีอาการอาเจียนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งอาการเหล่านี้หากพบแล้ว ก็ควรที่จะพาไปพบสัตวแพทย์และทำการปรึกษาเพื่อที่จะได้ดูว่าน้องหมาน้องแมวของเรา แพ้อาหารชนิดไหน อาจจะเป็นโปรตีนจากในสัตว์หรือว่าโปรตีนจากธัญพืช ซึ่งถ้าสมมุติว่าพบเจอน้องหมาน้องแมวมีอาการแพ้อย่างเช่น แพ้ข้าวสาลี อาหารสูตร Grain free ก็สามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้อาหารที่ทำจาก Grain free กับ อาหารที่ไม่ได้ทำจาก Grain free ต่างกันมากไหม แล้วแบบไหนดีกว่ากันอย่างที่หมอบอกไป อาหาร Grain free คืออาหารที่ไม่ได้มีส่วนผสมของธัญพืช ส่วนอาหารที่ไม่ได้ทำจาก Grain free ก็จะมีส่วนประกอบของธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งการที่เราจะเลือกแบบที่ไม่มี Grain free หรือแบบที่มี Grain free เราก็ต้องดูจากสัตว์เลี้ยงของเราเป็นหลัก โดยดูจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ อายุ น้ำหนักตัว หรือ activity ของน้องในแต่ละวันและหลังจากนั้นก็ทำการปรึกษากับสัตวแพทย์ และในความสนใจในความต้องการอาหารของน้อง ๆ ดูว่าน้อง ๆ ชอบหรือไม่ชอบ จะช่วยให้คุณเจ้าของตัดสินใจได้ดีที่สุดประโยชน์ของ  Grain free ที่ส่งผลต่อตัวน้องหมาและแมวมีอะไรบ้างแน่นอนว่าประโยชน์ของ Grain free ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพ้ธัญพืชให้กับน้องหมาน้องแมวและยังอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง ที่ไม่มีผลพลอยได้จากสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นพวกเล็บ ขน หรือว่ากระดูก น้องแมวสามารถกินอาหารที่เป็น Grain free ได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับคำแนะนำที่ระบุไว้ตามยี่ห้อของ Grain free นั้น ๆ  ซึ่งโดยทั่วไปแล้วน้องแมวจะหย่านมตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึง 1 เดือนครึ่งและฟันก็จะเริ่มขึ้น ช่วงนั้นหมอก็จะแนะนำให้คุณเจ้าของ เอาอาหารเม็ดผสมกับน้ำนมทดแทนหรือว่าผสมกับน้ำอุ่น เพื่อทำให้อาหารนิ่มขึ้น ให้น้องแมวของเรากินง่ายขึ้น หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ลดส่วนผสมของน้ำ แล้วให้อาหารเม็ดเมื่ออายุครบ 4 เดือนและเราควรเลือกสูตรอาหารที่เป็นสูตรเฉพาะของลูกแมว อย่างเช่น อาหารที่มีโปรตีนสูง หรือว่ามีส่วนประกอบของ DHA และ EPA ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสมองและก็ตาของน้องแมวน้องแมวแบบไหนที่ต้องการอาหารพวก Grain free มากที่สุด เช่น แมวป่วยหรือแมวที่เป็นโรคต่าง ๆน้องแมวที่ต้องการอาหาร Grain free  ตอบโจทย์สำหรับน้องแมวที่แพ้ธัญพืชเป็นหลัก แต่น้องแมวทั่วไปก็สามารถกินอาหาร  Grain free ได้ตามปกติเลยแนะนำเพื่อน ๆ ที่กำลังคิดจะเปลี่ยนให้สัตว์เลี้ยงหันมากินอาหารแบบ Grain free อาหารแบบ Grain free ก็มีมากมายในท้องตลาด หมอก็อยากแนะนำให้คุณเจ้าของเลือกอาหารที่มีคุณภาพจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้และก็มีสารอาหารครบถ้วนตามมาตรฐานสากลของ The Association of American Feed Control Officials (AAFCO) ซึ่ง AAFCO เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานทางโภชนาการสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงที่จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือยกตัวอย่างเปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือ อย. ของบ้านเรา แต่เค้าจะดูแลทางด้านอาหารสัตว์โดยเฉพาะ ซึ่งหากมีสารอาหารครบถ้วนตามมาตรฐานของ AAFCO เราก็จะสามารถมั่นใจได้ว่าอาหารที่นำมาให้น้องหมาน้องแมวของเราทาน มีสารอาหารครบถ้วนและสมดุล คุณเจ้าของก็จะมั่นใจได้ว่าอาหารเหล่านั้นปลอดภัยและก็เชื่อถือได้

ไขข้อสงสัย? Single Protein มีประโยชน์อย่างไรต่อสุนัขและแมวSingle Protein คืออะไรคือโปรตีนที่ทำจากเนื้อชนิดเดียว เหมาะสำหรับน้องหมาน้องแมวที่มีอาการแพ้อาหาร สามารถใช้ในการทดสอบการแพ้อาหารได้สุนัขและแมวที่ไม่แพ้อาหาร สามารถกินอาหารแบบ Single Protein ได้ไหมสามารถกินได้เพราะโปรตีนทำมาจากปลา ซึ่งปลาเป็นโปรตีนคุณภาพดี สามารถดูดซึมและย่อยง่ายสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์เลย ในตัวปลายังมี Omega 3 ที่จะช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทและสมอง นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการบำรุงขน บำรุงผิวหนังและบำรุงข้อต่อด้วยมีวิธีสังเกตน้องหมาน้องแมวที่แพ้อาหารบ้างไหมก่อนอื่นสามารถพาเค้าไปตรวจคัดกรองการติดเชื้อปรสิตภายนอกก่อนได้ อย่างเช่น เห็บ หมัด ไร เมื่อตรวจเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการตรวจพวกเชื้อแบคทีเรียและเชื้อยีสต์ ถ้าเกิดกำจัดสาเหตุพวกนี้ออกได้แล้ว แต่น้องหมาน้องแมวยังมีอาการคันอยู่ โรคที่น่าสงสัยต่อไปก็จะเกี่ยวกับการแพ้อาหารสุนัขและแมวสามารถแพ้อาหารจากอะไรได้บ้างส่วนใหญ่จะเป็นโปรตีนจากเนื้อวัว นมวัว ธัญพืช นมถั่วเหลือง ไก่ ไก่งวงและไข่ ดังนั้น โปรตีนที่นำมาทดสอบการแพ้อาหาร จึงเลือกเป็นวัตถุดิบจากปลาปลา Wild Caught แตกต่างจากปลาทั่วไปอย่างไรปลา Wild Caught เป็นปลาที่จับจากธรรมชาติซึ่งจะแตกต่างจากปลาเลี้ยงคือ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสีของเนื้อแตกต่าง ไม่มีสารตกค้างและยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ในปลา Wild caught ยังมีสมดุลระหว่าง Omega 3 และ Omega 6 ที่จะสมดุลมากกว่าปลาเลี้ยงมีคำแนะนำเรื่องอาหารเพิ่มเติมไหมเรื่องของอาหารส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง อยากให้เจ้าของเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม เพื่อให้น้องหมาน้องแมวมีสุขภาพที่ดีและไม่เจ็บป่วย        เรียกว่าช่วยตอบข้อสงสัยในประเด็นที่เกี่ยวกับ Single Protein ได้เพิ่มขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของทุกคนในการเลือกซื้ออาหารให้น้องหมาน้องแมวได้ดีเลย ใครที่สนใจอาหาร Felina Canino Single Protein     สามารถแวะซื้อได้ที่ร้าน Merry Pet บางแสนและถ้าอยากพบคุณหมอ สามารถมาพบคุณหมอได้ วันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 10:00 – 20:00 น.

‘สุขภาพช่องปาก’ ของสุนัขและแมวเรื่องที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กันกับสุขภาพด้านอื่น ๆ        ยอมรับว่าหลาย ๆ ครั้ง เราก็มักจะมองข้ามปัญหาสุขภาพช่องปากของสัตว์เลี้ยงไป เพียงเพราะคิดว่าพวกเขาคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตื่นเช้ามาล้างหน้าแปรงฟันหรือบ้วนปากก่อนนอนแบบคนเรา แต่ความจริงนั้น ปัญหาที่ดูเหมือนเล็ก ๆ อย่างการมีคราบฟันของสุนัขและแมว อาจนำมาซึ่งโรคอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้นได้ วันนี้ Pet Hipster จึงเชิญ ‘คุณหมอติวเตอร์’ สพ.ญ. ภคธนิศร์ชา ปรัชญกุล มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพช่องปากของสุนัขและแมวกันปัญหาสุขภาพช่องปากของสุนัขและแมวส่วนใหญ่ที่พบ มีอะไรบ้างต้องบอกก่อนว่า เจ้าของส่วนใหญ่มักจะพบปัญหาช่องปากในสัตว์เลี้ยงตั้งแต่อายุ 3 ปี ขึ้นไป โดยโรคที่มักจะพบบ่อยที่สุดคือ ‘โรคปริทันต์’ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการที่สุนัขและแมวสร้างน้ำลายทุกวันเพื่อมารักษาตัวฟัน แล้วน้ำลายเหล่านี้เองเมื่อรวมตัวกับแบคทีเรียก็จะกลายเป็น ‘คราบพลัค’ สะสมรวมกับแร่ธาตุในน้ำลายจนเกิดเป็นหินปูน เมื่อหนามากขึ้นก็จะทำให้เกิดการอักเสบไปจนถึงรากฟันได้ สาเหตุหลักของปัญหาสุขภาพช่องปากของสุนัขและแมวอย่างที่บอกไปก็จะเป็นน้ำลายของสัตว์เลี้ยงเองที่จะมี pH ที่ค่อนข้างสูงกว่าของคนเรา จึงอาจทำให้เกิดหินปูนและเป็นโรคปริทันต์ได้ง่ายกว่าพฤติกรรมการกินของสุนัขและแมว เกี่ยวข้องกับการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากด้วยหรือไม่พฤติกรรมการกินส่งผลต่อการเกิดหินปูนในสัตว์เลี้ยงได้ง่ายเหมือนกัน อย่างถ้าในสุนัขและแมวที่กินอาหารเปียกเป็นประจำจะมีโอกาสเกิดหินปูนได้ง่ายกว่าการกินอาหารเม็ด เพราะการเคี้ยวจะมีส่วนช่วยในเรื่องการขัดฟันได้ โดยสุนัขพันธุ์เล็กจะพบปัญหาสุขภาพช่องปากมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ เพราะมีฟันซี่เล็กติด ๆ กันและไม่ค่อยได้กินขนมขัดฟัน  ส่วนแมวก็จะพบมากกว่าสุนัข เพราะเจ้าของส่วนใหญ่มักจะให้อาหารเปียกมากกว่าทำไมคนจึงมักมองข้ามเรื่องสุขภาพช่องปากของสุนัขและแมว เจ้าของส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบว่า สุนัขและแมวก็มีความจำเป็นในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและพาไปพบสัตวแพทย์โดยสม่ำเสมอเช่นเดียวกับคนเรา เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นสุนัขและแมวอาจจะไม่แสดงอาการหรือไม่สามารถบอกเจ้าของได้ และเจ้าของอาจไม่ได้สังเกตเห็นถึงการอักเสบหรือคราบฟันที่เกาะอยู่ ก็เลยอาจจะละเลยหรือมองข้ามปัญหาสุขภาพช่องปากของสัตว์เลี้ยงไปปัญหาสุขภาพช่องปากของสุนัขและแมวนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่รุนแรงได้ จริงไหมอันนี้จริงค่ะ อย่างที่บอกไปคราบพลัคที่เกิดขึ้นเมื่อไปรวมตัวกับแร่ธาตุกลายเป็นหินปูนที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ เป็นฝี รากฟันอักเสบ ตามมาได้ หรือถ้าเกิดปัญหามาก ๆ อาจส่งผลต่อโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคตับ โรคไต ก็ได้เช่นกันวิธีสังเกตอาการว่าสุนัขและแมวกำลังมีปัญหาสุขภาพช่องปากสังเกตได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจากภายนอกที่สุนัขและแมวจะแสดงอาการซึม ไม่กินอาหาร ไม่ร่าเริง เอามือตะกุยปาก มีการเคี้ยวปาก หรือนิสัยเปลี่ยนไป ขึ้นกับแต่ละตัวที่จะแสดงอาการดุร้ายออกมาเมื่อเราเอามือเข้าใกล้ปากเขาก็ได้ และภายในปาก อาจจะมีคราบสีน้ำตาลบนฟันใกล้ๆ เหงือก เหงือกบวมแดง หรือถ้าเอามือไปสัมผัสฟันเลือดจะออกมาได้ง่ายมากขึ้น แม้กระทั่งกลิ่นปากของสัตว์เลี้ยงเองก็สามารถบ่งบอกปัญหาสุขภาพช่องปากได้เช่นกันปกติสุนัขและแมวรับรู้กลิ่นปากของตัวเองได้ไหมสามารถรับรู้ได้ เนื่องจากประสาทรับกลิ่นของสุนัขและแมวดีกว่าคนเราค่อนข้างมาก เพียงแต่เขาอาจจะแค่บอกเราไม่ได้ว่าตอนนี้ตัวเองมีกลิ่นปากอย่างไรเราสามารถป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากของสุนัขและแมวได้ไหม แล้วถ้าเกิดปัญหา ควรทำอย่างไรต่อเราสามารถฝึกการแปรงฟันให้กับสัตว์เลี้ยงได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือถ้าฝึกในวัยที่โตแล้ว อาจจะต้องให้เขาคุ้นเคยก่อน โดยการเอามือไปจับที่ปาก ใช้ปลอกสวมนิ้วในการแปรง แล้วค่อยเปลี่ยนมาใช้แบบแปรงสีฟัน ส่วนยาสีฟันแนะนำให้ใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยตรง เนื่องจากยาสีฟันสำหรับคนอาจจะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือซอร์บิทอลที่เป็นพิษกับสุนัขและแมว โดยนำไปแตะบนปลายจมูกให้ลองเลียก่อน เมื่อแปรงแล้วสามารถกลืนได้เลยไม่เป็นอันตราย หลังจากแปรงเสร็จควรให้คำชื่นชมหรือให้ขนมขัดฟัน เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสัตว์เลี้ยง แต่ถ้าเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากแล้ว แนะนำให้ไปพบสัตวแพทย์โดยตรงเพื่อรักษาตามอาการได้ทันท่วงทีคุณหมอมีคำแนะนำในเรื่องผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปากของสุนัขและแมวอย่างไรบ้างนอกจากเซ็ทสำหรับการแปรงฟัน ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปากสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ให้เลือกใช้ได้หลากหลาย เช่น เจลป้ายฟัน ที่แนะนำให้ใช้ทุกวัน เพราะเจลจะทำหน้าที่เคลือบฟันให้คราบพลัคนิ่มขึ้นและหลุดออกง่าย หรือจะเป็นแบบผสมน้ำที่ช่วยดักจับแร่ธาตุในน้ำลาย ตอบโจทย์สำหรับสุนัขและแมวไม่ชอบการแปรงฟัน และแบบโฟมหรือสเปรย์ช่วยระงับกลิ่นปากได้ทันที สำหรับสัตว์เลี้ยงสูงอายุมีกลิ่นปากได้ง่ายและรุนแรงกว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากอเมริกาอย่าง Fresh breath และมีส่วนผสมที่ทำจากสารธรรมชาติ ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงสูง        จะเห็นได้ว่า ‘สุขภาพช่องปาก’ ของสุนัขและแมว ควรถูกให้ความสำคัญไม่แพ้กันกับสุขภาพด้านอื่นๆ เลยนะ แถมคุณหมอติวเตอร์ยังได้ให้คำแนะนำและทริคดี ๆ ในการดูแลสุขภาพช่องปากของสุนัขและแมวที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อสุขภาพช่องปากและสุขภาพโดยรวมที่ดีของเพื่อนรักสี่ขาที่บ้าน ให้พวกเขาได้ Fresh Together ไปกับคุณเจ้าของได้อีกนาน ๆขอขอบคุณสถานที่โรงพยาบาลสัตว์เดอะไนน์ (The Nine Animal Hospital)4 พระราม 9 ซอย 41 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250โทร: 083-8515349

“ปัญหาสุขภาพผิวหนังที่ไม่ควรมองข้ามในสุนัขและแมว”By สพ.ญ. ปุณย์ชรัสมิ์ อนุโลมสมบัติ        เรื่องของผิวหนังมักเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ ในสุนัขและแมว หลาย ๆ คนมักจะมองข้าม เพราะคิดว่าเป็นปัญหาเล็กน้อย อาการคันหรือเกาคงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่อาการเล็กๆ เหล่านี้ ถ้าไม่รีบหาสาเหตุและวิธีป้องกันให้ทัน อาจเกิดโรคผิวหนังที่รุนแรงตามมาได้ วันนี้ Pet Hipster จึงเชิญคุณหมอมาไขข้อสงสัยพร้อมแนะนำวิธีป้องกัน เพื่อสุขภาพผิวหนังและขนที่ดีของน้อง ๆปัญหาสุขภาพผิวหนังที่พบเจอบ่อย ๆ คืออะไร      ที่เจอบ่อย คือเรื่องขนร่วง มีอาการคัน ในสุนัขจะเจอติดปรสิตภายนอก พวกกลุ่มเห็บหรือไรขี้เรื้อน แต่ถ้าเป็นแมวจะเจอพวกโรคเชื้อราค่อนข้างเยอะ ส่วนเรื่องที่ว่าพบปัญหาผิวหนังในสุนัขหรือแมวมากกว่ากัน จริง ๆ คือพบได้เท่า ๆ กัน แต่เจอในกลุ่มขนยาวมากกว่าขนสั้น อาจเป็นเพราะว่าเจ้าของไม่เห็นรอยโรค จะมาเจออีกทีตอนที่อาบน้ำหรือว่ามาหาคุณหมอมากกว่าปัญหาขนร่วง ขนพันกัน สาเหตุเกิดจากอะไร     ขนร่วงเกิดได้หลายสาเหตุ อันดับแรกต้องแยกก่อนว่าขนร่วงนั้นไม่ได้เกิดจากการผลัดขนที่เป็นธรรมชาติ ถ้าเป็นเรื่องการติดเชื้อ อาจเกิดจากปรสิตภายนอก ติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ส่วนเรื่องขนพันกันอาจเกิดจากเจ้าของไม่มีเวลาแปรงขนให้ ทำให้ขนพันกันได้อาการคัน กลิ่นตัวของสุนัขและแมว เกิดจากอะไร     อาการคันเกิดจากผิวหนังที่มีความผิดปกติหรือความไม่สมดุลเกิดขึ้น อาจติดรอยโรคต่าง ๆ จากพวกปรสิต หรือถ้าไม่ได้อาบน้ำก็อาจเกิดอาการคันได้ ซึ่งสาเหตุทั้งหมดทำให้เกิดกลิ่นตัวตามมาการอาบน้ำสุนัขและแมวด้วยแชมพูของคน มีผลต่อสุขภาพผิวหนังหรือไม่     ส่งผลได้ เพราะแชมพูของคนเน้นขจัดไขมันที่เกาะบนเส้นขน หากใช้กับสุนัขและแมวจะทำให้ไขมันที่เคลือบบนผิวหนังหลุดออกไป ทำให้ผิวแห้ง เป็นขุย อีกเรื่องหนึ่งคือกรดด่างของชั้นผิวหนังไม่เท่ากัน ในคนจะมีค่า PH อยู่ที่ 5.5 - 5.6 แต่ในสุนัขและแมวจะอยู่ที่ 6.5 - 7.5 ถ้าใช้แชมพูที่ค่ากรดด่างไม่เท่ากัน อาจทำให้เสียสมดุลของชั้นผิวหนังและเกิดรอยโรคตามมา ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นวิธีป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่กล่าวไป     อย่างแรกคือเรื่องของการทำความสะอาด สุนัขและแมวต้องการ การอาบน้ำชำระสิ่งสกปรก อย่างที่สองควรมีการป้องกันปรสิตภายนอก ป้องกันเห็บหมัด ปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อมาก อย่างที่สามคืออย่ารอให้เกิดรอยโรคขนาดใหญ่ ถ้าเจอสิ่งผิดปกติให้พาไปพบสัตวแพทย์เลย ยิ่งรักษาเร็วยิ่งหายเร็วในการอาบน้ำสุนัขและแมวส่งผลต่อผิวหนังอย่างไรบ้าง     ปัจจุบันแชมพูอาบน้ำสุนัขและแมวมีให้เลือกเยอะมาก เจ้าของควรเลือกให้เหมาะกับช่วงอายุ เช่น สุนัขอายุน้อย ๆ ผิวหนังจะบอบบางกว่าสุนัขโตอยู่แล้ว แชมพูที่เลือกใช้ก็ควรเหมาะกับช่วงอายุนั้น ๆ หรืออย่างแชมพูอาบน้ำที่เหมาะกับขนสั้น ขนยาว ก็มีให้เลือกหลากหลาย การอาบน้ำจะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวหนังออกไป บางยี่ห้อจะมีสารบำรุงต่าง ๆ ช่วยลดอาการคันหรือบำรุงเส้นขนด้วยปกติสุนัขและแมว สามารถรับกลิ่นแชมพูอาบน้ำได้หรือไม่     สุนัขและแมวสามารถรับกลิ่นได้ดีกว่าคนมาก ดังนั้นกลิ่นแชมพูสามารถรับรู้ได้อยู่แล้ว ถ้าเจ้าของเลือกกลิ่นแชมพูที่มันแรงมาก ๆ อาจทำให้เค้ารู้สึกไม่สบายตัว จะมีอาการฟุดฟิดทั้งวัน หรือเอาตัวไปถูพื้นได้เจ้าของควรเลือกแชมพูอาบน้ำแบบไหนให้สัตว์เลี้ยงของตัวเอง     อย่างแรกควรเลือกแชมพูตามช่วงอายุและพันธ์ุของน้อง ๆ ก่อนว่าเป็นแบบไหน จากนั้นลองอาบน้ำดู ถ้าเค้ารู้สึกสบายตัวและชอบ ก็สามารถใช้แชมพูนั้นต่อไปได้ แต่ในปัจจุบันมีแชมพูที่ใส่น้ำหอมและสารปรุงแต่งค่อนข้างเยอะ การเลือกกลุ่มแชมพูที่ทำจากธรรมชาติอาจจะปลอดภัยกับพวกเค้ามากกว่าคุณหมอมีคำแนะนำในเรื่องการอาบน้ำอย่างไรบ้าง     จริง ๆ ไม่ได้มีกฏการอาบน้ำที่ตายตัว อาจจะต้องดู activity ของเค้าว่าเป็นแบบไหน เช่น สุนัขที่ชอบวิ่งในสนามหญ้า ออกบ้านบ่อยๆ ก็อาจจะอาบน้ำ 1 - 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือตัวที่อยู่ในบ้าน อาจจะเป็น 1 - 2 ครั้งต่อเดือน ถ้าเป็นแมว ปกติจะไม่ค่อยสกปรกอยู่แล้วเพราะอยู่ในบ้านบวกกับทำความสะอาดตัวเองด้วย อาจจะสัก 1 - 3 เดือนค่อยอาบน้ำสัก 1 ครั้ง แล้วก็อย่าลืมว่าหลังจากอาบน้ำแล้ว ควรเช็ดตัวหรือเป่าให้แห้ง โดยเฉพาะตัวที่มีขนยาวและหนา ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดความอับชื้นและติดเชื้อต่าง ๆ ตามมาได้ รวมถึงอย่าลืมแปรงขนให้ด้วยได้ไขข้อสงสัยหลายเรื่องเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพผิวหนัง พร้อมกันนั้นยังได้รับคำแนะนำดี ๆ ไปปรับใช้แบบนี้ ชาว Pet Hipster ที่มีสัตว์เลี้ยงที่บ้าน อย่าลืมที่จะเลือกซื้อแชมพูอาบน้ำที่เหมาะกับเค้า หมั่นอาบน้ำทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพผิวหนังและขนบ่อย ๆ ด้วยนะ