#PetHipster72#PetHipsterxHappydogPethipster มาเสริฟความหรูหรากับราชวงศ์ Happy Dog ในธีม “The peaceful Dynasty' ?????ในเล่มนี้เราได้ครอบครัว Happy Dog มาทั้งหมด 8 ตัว ว้าววววววจัดเต็มสุดๆไปเลยไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หมาสองใบ ,  French Buta , Cooper และ POPO Supercorgi แต่ละตัวจัดเต็มกันอย่างแน่นอน?สามารถรับชมความหรูหราของราชวงศ์ Happy Dog ไปพร้อม ๆ กันได้แล้ววันนี้ที่??Pethipster E-Book No.72 >>

#PetHipster72#PetHipsterxHappydogPethipster มาเสริฟความหรูหรากับราชวงศ์ Happy Dog ในธีม “The peaceful Dynasty' ?????ในเล่มนี้เราได้ครอบครัว Happy Dog มาทั้งหมด 8 ตัว ว้าววววววจัดเต็มสุดๆไปเลยไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หมาสองใบ ,  French Buta , Cooper และ POPO Supercorgi แต่ละตัวจัดเต็มกันอย่างแน่นอน?สามารถรับชมความหรูหราของราชวงศ์ Happy Dog ไปพร้อม ๆ กันได้แล้ววันนี้ที่??Pethipster E-Book No.72 >>

    แน่นอนว่า โรคในแมวมีเยอะมากมาย ให้เราคอยระวัง ทุกคนคงได้ยินคำว่าโรคเอดส์มานานแสนนาน ไม่ว่าจะในละคร หรือตามสื่อต่าง ๆ มากมาย แต่รู้กันไหม เจ้าขนก้อน ก็เป็นโรคเอดส์ได้นะ แต่ แต่ ! เจ้าทาสทั้งหลายอย่าพึ่งตกใจไปนะ ว่าจะไม่มีทางรักษา แล้วโรคเอดส์แมวเป็นยังไง และสังเกตอาการยังไง วันนี้ ทาง PetHipster มีคำตอบให้ค่ะโรคเอดส์แมวคืออะไร ?    โรคเอดส์แมวหรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว เกิดจากการติดเชื้อ Feline Immunodeficiency Virus (FIV) ในกลุ่ม Retrovirus ซึ่งมีลักษณะก่อโรคคล้าย ๆ กับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในมนุษย์ ทำให้ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ เมื่อเทียบกับแมวที่สุขภาพแข็งแรง ไม่ต่างจากโรคเอดส์ในคน หากโรคนี้เกิดขึ้นกับเจ้าเหมียวคงเป็นฝันร้ายน่าดูเลย และโรคนี้เองยังสามารถรักษาให้หายขาดได้นะ แต่สามารถป้องกันได้ ซึ่งระยะในการฝังตัวของเชื้อมีทั้งหทมด 4 ระยะ    1. ระยะเฉียบพลัน (Acute phase) เป็นระยะแรกภายหลังติดเชื้อในช่วง 2-3 วันหรืออาจจะนานถึง 1-2 สัปดาห์ แมวจะเริ่มมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองตามร่างกายขยายใหญ่ หรืออาจมีภาวะลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ช่องปากอักเสบ รวมทั้งมีเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือดต่ำ    2. ระยะไม่แสดงอาการ (Asymptomatic phase)  ระยะที่สองภายหลังจากการแสดงอาการ แต่มีเชื้อมักอยู่ในร่างกานรวม และสามารถแพร่เชื้อสู่แมวตัวอื่นได้ แมวบางตัวสามารถอยู่ในระยะนี้ได้นานตั้งแต่หนึ่งเดือนถึงหนึ่งปี    3. ระยะ AID-related complex (ARC) ระยะที่สาม จะแสดงอาการผิดปกติทางร่างกาย เนื่องจากการติดเชื้อโรคแทรกซ้อน ขึ้นอยู่กับระบบที่ได้รับผลกระทบ เช่น การเกิดเนื้องอก น้ำหนักลกลง ผอมแห้ง และช่องปากอักเสบ เป็นต้น    4. ระยะสุดท้าย (Terminal stage) เป็นระยะที่ร่างกานทรุดโทรม แมวจะแสดงอาการป่วยเรื้อรังและอยู่ในระยะสุดท้ายได้ไม่นานจะเสียชีวิตอาการทางภานนอกของโรคที่สามารถสังได้ง่าย ๆ คือ    1. มีไข้ เบื่ออาหาร ซูบผอม    2. 25-50% ของแมวที่ติดเชื้อมีการอักเสบของเหงือกและเยื่อเมือกในช่องปาก    3. 30% ของแมวที่ติดเชื้อมักมีการอักเสบของจมูก เยื่อตา และกระจกตา                     4. 10-20% ของแมวที่ติดเชื้อ มักมีอาการถ่ายเหลวต่อเนื่อง                             5. แมวมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเนื่องจากเป็นอาการทางระบบประสาท เช่น กระวนกระวาย เดินวนไปมา ก้าวร้าว เป็นต้น มีความบกพร่องทางความสามารถในการมองเห็นและการได้ยิน มีความผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณขาและฝ่าเท้า            6. แมวบางตัวมีการอักเสบที่ส่วนหน้าของลูกตารวมถึงม่านตา อาจจะรนแรงถึงขั้นความดันลูกตาสูงผิดปกติจนทำให้เกิดต้อหินได้    7. ต่อมน้ำเหลืองมีการขยายขนาด    8. มีอาการของโรคไตเรื้อรัง    9. ในระยะยาวอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ผิวหนัง ตา กระเพาะปักสาวะ และระบบทางเดินหายใจส่วนต้น    การติดเชื้อจะเกิดขึ้นได้ง่ายในกลุ่มแมวจร และแมวที่เลี้ยงแบบระบบเปิด อาการของโรคเอดส์แมวมักจะขึ้นอยู่กับอายุและภูมิคุ้มกันของแมวแต่ละตัว แมวบางตัวอาจไม่แสดงอาการออกมาเลยเป็นปีจนทำให้เราอาจจะคิดว่าน้องสุขภาพดี ไม่เป็นป่วย บางตัวแสดงอาการเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อไหร่ที่โรคนี้ไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในแมวจนต่ำลง ก็จะส่งผลให้แมวติดเชื้ออื่น ๆ จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ง่ายเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ จนน้องร่างกายแย่และเสียชีวิตได้ในที่สุด ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันเจ้าทาสทั้งหลายควรพาแมวที่ป่วยไปพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจร่างการเบื้องต้น ซักประวัติเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ รวมถึงตรวจเลือกและปักสาวะ เพื่อวินิจัยว่าแมวของตัวเองมีแนวโน้มจะเป็นโรคเอดส์แมวหรือเปล่าด้วยนะ ถเาใครยังกังวลว่าถ้าน้องป่วยโรคนี้ เราจะติดโรคจากน้องหรือป่าว ขอบอกว่าสบายใจได้เลยพราะว่าโรคเอดส์แมวไม่สามารถติดเชื้อสู่คนได้อ้างอิงข้อมูลhttps://citly.me/m0hIF

    สภาพอากศที่แปรปรวนแบบนี้ นอกจากเราเองที่ไม่สบายตัวแล้วเนี้ย น้องแมวเองก็สามารถไม่สบายได้เหมือนกันนะ ยิ่งถ้าน้องป่วยเป็นโรคไข้หวัดแมวแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าต้องรีบพาน้องพบหมอแบบด่วนจี๋เลยนะ เพราะเป็นโรคที่ร้ายเเรงสำหรับแมว วันนี้ทาง Pet Hipster จะพามารู้จักกับโรคที่เรียกว่า ไข้หวัดแมวกันค่ะ ไข้หวัดแมวเป็นยังไง อันตรายแค่ไหน รักษายังไง วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะโรคหวัดแมว เกิดจากเชื้อไวรัสจำเพาะในแมว ได้แก่ Feline Herpesvirus (FHV) และ Feline Calici Virus (FCV)รวมทั้งอาจจะมีการติดเชื้อเกี่ยวกับเรื่องของระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ร่วมด้วย ดรคหวัดแมวสามารถเกิดขึ้นได้กับแมวทุกวัย แต่สำหรับลูกแมวและแมวที่อ่อนแอ อาจมีอาการรุนแรงกว่าแมวทั่วไป จะแพร่เชื้อผ่านสารคัดหลั่งจากตา จมูก และปาก การแพร่กระจายของเชื้อเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของแมวป่วยโดยครง ซึ่งมักจะเป็นทางหลักในการติดต่อของโรค ส่วนการหายใจเอาเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่ง หรือละอองเข้าไปก็สามารถพบได้ แต่สำหรับเจ้านายที่มีน้องแมวกำลังป่วยเป็นโรคไข้หวัดแมวสบายใจได้เลยนะ เพราะว่าเชื้อไวรัสของแมวเป็นเชื้อคนละชนิดกับคน ไม่สามารถติดต่อถึงคนได้เพราะงั้นไม่ต้องกังวลว่าจะติดจากน้อง หรือน้องจะติดจากเรานะอาการของโรคไข้หวัดแมวเป็นยังไงนะ?    ระยะฟักตัวของโรคหวัดแมว จะอยู่ที่ประมาณ 2-10 วัน แต่อาจจะนานได้ถึง 14 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อไวรัสที่ได้รับ น้องแมวจะมีอาการจาม มีไข้ ไอ ร้องเสียงแหบ มีน้ำมูกใส หรือน้ำมูกข้น มีน้ำตาไหลเยอะกว่าปกติ เยื่อบุตาอักเสบ หรือบางตัวอาจจะมีแผลที่กระจกตา อาจจะพบหลุมแผลในปากหรือลิ้น มีน้ำลายไหลยืด มีอาหารเจ็บในลำคอทำให้กลืนอาหารลำบาก ซึม เบื่ออาหาร ถ้าเพื่อนๆ เห็นว่าเจ้านายของเราเริ่มมีอาการตามที่บอกไป ต้องรีบรีบพาน้องไปหาหมอแบบด่วยจี๋เลยนะ เพราะไม่งั้นอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะนอกจากโรคไข้หวัดแมวที่เราต้องระวังแล้ว โรคอื่นๆ เราก็ควรเฝ้าระวังตามกันไปด้วย ทางที่ดีควรพาน้องไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อเช้คสุขภาพร่างกายของเจ้านาย หากว่าน้องเป็นอะไรหรือมีอาการผิดปกติ เราจะได้สามารถรักษาได้ตั้งแต่ต้น เพื่อให้เจ้านายมีสุขภาพดี มีแรงหยุมหัวเราไปนานๆ นะคะ          

วันทำอาหารให้สัตว์เลี้ยงแจกเครดิตฟรี สล็อต บาคาร่า คาสิโนออนไลน์ JQK41วันที่ 1 พฤสจิกายนของทุกปี จัดว่าเป้นวัน 'ทำอาหารให้สัตว์เลี้ยงสากล' เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของเรานั้นได้รับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ปลอดภัยและเป็นมิตรความรักที่มอบให้สัตว์เลี้ยง ที่มอบให้ทั้งของใช้ ความรักและที่สำคัญก็ต้องมี 'อาหาร' เป็นปัจจัยสำคัยที่จะให้สัตว์เลี้ยงของเรามีชีวิตอยู่กับเราไปนานๆ ทางที่ดีคือต้องมอบสิ่งดีๆ เพราะในปัจจุบันเจ้าของหลายคนมักกังวลกับอาหารที่ตนเองได้ซื้อว่าจะมีคุณค่าทางอาหาร โภชนาการที่ตอบโจทย์สัตว์เลี้ยงของเรามากน้อยแค่ไหน หรือแม้กระทั้งส่วนผสมที่ผ่านการแปรรูปและเติมเต็มด้วยสารปรุงแต่งต่างๆ สัตว์เลี้ยงจึงจำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีประโยชน์จ่อร่างกาย วิธีที่ง่ายที่สุดอาจเริ่มด้วยการปรึกษาสัตวแพทย์ว่าสัตว์เลี้ยงของเราต้องการโภชนาการอะไรบ้าง และนอกจากนี้ 'วันทำอาหารสากล' ที่ถูกจัดขึ้นมาโดยองค์กร Cookforyourpets.com เพื่อเป็นแหล่งความรู้ดานอาหารสัตว์และเเชร์สูตรการทำอาหารต่างๆ ที่มีความเหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงนั้นเอง

       สวัสดีค่ะ วันนี้ Pet Hipster จะมาแนะนำกิจกรรมการออกกำลังกายที่ทาสและเจ้านายสามารถทำร่วมกันได้ จะมีกิจกรรมอะไรบ้างนั้นไปอ่านกันเลย.1. พาน้องไปเดินเล่นชมวิวในป่า หรือสวนสาธารณะ น้องหมาเป็นสัตว์ที่ชอบท่องเที่ยว ชอบผจญภัยและรักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกรงหรือในบ้านเป็นเวลานาน ๆ การพาน้องออกไปเดินเล่นก็ถือเป็นวิธีการคลายเครียดวิธีหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ทุกวัน                                     2. เล่นสเก็ต:  ไม่ว่าคุณจะเล่น อินไลน์สเก็ต โรลเลอร์เบลด หรือ สเก็ตบอร์ด เจ้านายก็สามารถเล่นไปกับทาสได้ ถ้าเล่นในพื้นที่ปิด และมีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม                                           3. ว่ายน้ำ: น้องหมาหลายตัวชอบเล่นน้ำ และการว่ายน้ำก็เหมาะสำหรับน้องหมาที่มีปัญหาเรื่องข้อต่อ เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ โดยจะมีเสื้อชูชีพที่ช่วยทำให้น้องหมาสามารถอยู่ในน้ำได้นานขึ้น ไม่ต้องกลัวน้องจมน้ำเลย                             4. เล่นซ่อนหา :  เกมเล่นซ่อนหาจะทำให้น้องหมาได้เคลื่อนไหวร่างกาย ช่วยกระตุ้นให้เกิดการไล่ล่าและรู้สึกสนุกไปกับคุณ                         5. ชักเย่อ : เกมชักเย่อเป็นอีกหนึ่งเกมที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กับน้องหมา และจะทำให้คุณกับน้องสนิทกันมากขึ้น                           อ้างอิงข้อมูลจากhttps://www.akc.org/expert-advice/health/how-much-exercise-does-dog-need/

แมวดื่มน้ำมากแค่ไหน ? ในแต่ละวัน    น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของร่างกายไม่ว่าจะกับคนหรือสัตว์ เพราะเป็นตัวกลางในการลำเรียงสารอาหารและเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย, ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ไม่แห้งกร้าน, ช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่, ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ในรูปแบบของ เหงื่อ อุจจาระ และปัสสาวะ     คนโบราณเคยบอกไว้ว่า " แมว เป็นสัตว์เลือกกิน " น้องจะกินในสิ่งที่อยากกิน การดื่มน้ำก็เช่นกัน น้องจะชอบดื่มน้ำที่สดใหม่และสะอาดอยู่เสมอ  ทาสอย่างเรา ๆ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำให้น้องบ่อย ๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดี แล้วในแต่ละวันน้องควรดื่มน้ำเท่าไหร่? จึงจะดีต่อร่างกาย      โดยเฉลี่ยแล้ว ใน 1 วัน น้องแมวไม่ควรดื่มน้ำเกิน 100 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จึงจะเพียงพอกับปริมาณที่ร่างกายต้องการ หากน้องแมว เกิดการกระหายน้ำมากเกินไป อาจเป็นเพราะกำลังป่วยอยู่หรือมีอาการขาดน้ำ ทาสอย่างเราควรรีบพาไปหาหมอเพื่อทำการรักษา     ถ้าหากน้องแมวดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดโรคทางเดินปัสสาวะ เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ได้  อ้างอิงข้อมูลจากhttps://cats.com/how-much-water-should-a-cat-drinkปัญหาทางเดินปัสสาวะในแมว แมวกระเพาะปัสสาวะอักเสบดูแลอย่างไร | Purinaน้ำเป็นสิ่งจำเป็น ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับสัตว์เลี้ยง (sanook.com)

ปกติแล้วมนุษย์เราจะมีการแสดงออกอย่างชัดเจนเมื่อต้องจากลาคนที่รัก เพื่อนสนิท หรือครอบครัวไปยังสถานที่อื่นที่ไม่คุ้นเคย การแสดงความเศร้าออกมาจึงเป็นเรื่องที่เห็นได้ไม่ยาก แต่กับสัตว์เลี้ยงเพื่อนซี้สี่ขา พวกเขามีความเศร้าบ้างหรือเปล่า ถ้าบัดดี้ของพวกเขาจากไป วันนี้ในคอลัมน์ Healthy Talk จะพามาดูคำตอบกันจากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าน้องหมามีอารมณ์ความรู้สึกที่พัฒนาเร็วมากในด้านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งนั่นรวมถึงความรู้สึกเศร้าและเป็นทุกข์ด้วย ในไม่กี่ปีมานี้มีรายงานการรวบรวมข้อมูลจากการแจกแบบสอบถามให้กับบ้านที่มีน้องหมาจากไปในขณะที่ยังเหลือน้องหมาอีกตัวอยู่ พบว่ามี 86 เปอร์เซนต์เลยทีเดียวที่น้องหมาตัวที่ยังมีชีวิตอยู่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น มีการเล่นที่น้อยลง การกินที่น้อยลง นอนมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมองหาความสนใจจากเจ้าของเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่แล้วพฤติกรรมแบบนี้จะเกิดขึ้นกับน้องหมาที่เพิ่งสูญเสียที่พึ่งทางใจหรือที่พึ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยไป โดยสรุปภาพรวมแล้วนั้น น้องหมาสามารถมีความรู้สึกได้เหมือนกับมนุษย์เช่นกัน ไม่ว่าจะรู้สึกมีความสุข ความเศร้า ความกลัวและการแสดงออกถึงการเป็นเจ้าของบางสิ่ง รวมถึงยังแสดงความโกรธและความกังวลออกมาได้ด้วยจากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าน้องหมามีอารมณ์ความรู้สึกที่พัฒนาเร็วมากในด้านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งนั่นรวมถึงความรู้สึกเศร้าและเป็นทุกข์ด้วย ในไม่กี่ปีมานี้มีรายงานการรวบรวมข้อมูลจากการแจกแบบสอบถามให้กับบ้านที่มีน้องหมาจากไปในขณะที่ยังเหลือน้องหมาอีกตัวอยู่ พบว่ามี 86 เปอร์เซนต์เลยทีเดียวที่น้องหมาตัวที่ยังมีชีวิตอยู่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น มีการเล่นที่น้อยลง การกินที่น้อยลง นอนมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมองหาความสนใจจากเจ้าของเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่แล้วพฤติกรรมแบบนี้จะเกิดขึ้นกับน้องหมาที่เพิ่งสูญเสียที่พึ่งทางใจหรือที่พึ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยไป โดยสรุปภาพรวมแล้วนั้น น้องหมาสามารถมีความรู้สึกได้เหมือนกับมนุษย์เช่นกัน ไม่ว่าจะรู้สึกมีความสุข ความเศร้า ความกลัวและการแสดงออกถึงการเป็นเจ้าของบางสิ่ง รวมถึงยังแสดงความโกรธและความกังวลออกมาได้ด้วยเจ้าของแบบเรา ๆ จะช่วยจัดการความเศร้าตรงนี้อย่างไรดี?ใช้เวลาร่วมกันให้มากขึ้นพยายามหันเหความสนใจของน้องหมามาที่การเดินเล่น วิ่งเล่นหรือหากิจกรรมอื่น ๆ ทำร่วมกัน แทนที่จะให้เขาอยู่ตัวเดียวเหงา ๆมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นหลาย ๆ บ้านอาจจะไม่ค่อยได้แสดงความรัก ความห่วงใยออกมาให้น้องหมาได้เห็น การที่ได้ลูบหัว สบตาหรือพูดคุยกับเขาให้มากขึ้น สามารถช่วยเยียวยาความเศร้าตรงนี้ได้พาน้องหมาเข้าสังคมสี่ขาถ้าน้องหมามีบุคลิกชอบเข้าสังคม ดูเอนจอยเวลามีคนหรือเจ้าสี่ขาตัวอื่นเยอะ ๆ ลองพาเขาไปเที่ยวหากลุ่มคนรักน้องหมาด้วยกัน เพื่อให้เขาเจอเพื่อน เจอสังคม อาจจะแฮปปี้ขึ้นได้หากิจกรรมให้ทำในระหว่างที่เราไม่อยู่ในช่วงที่เราไม่อยู่บ้าน น้องหมาอาจจะมีอาการเศร้ากว่าเดิมได้ วิธีช่วยเบี่ยงเบนความสนใจง่าย ๆ อีกวิธีอาจจะเป็นการที่เราใช้ของเล่นพิเศษมาให้น้องหมาได้ไขปริศนา เช่น ตัวของเล่นขบแทะที่สามารถใส่ขนมข้างในได้ ให้เขาได้ใช้เวลาตรงนี้พยายามเอาขนมนั้นออกมาสนับสนุนพฤติกรรมที่ดีและเมินเฉยพฤติกรรมที่ไม่โอเคในกรณีที่น้องหมาของเราหอน ส่งเสียงดัง เราอาจจะต้องใจแข็งเมินเฉยและฝึกการเรียกให้น้องหมาเดินมาหาและแสดงความรักโดยการกอดเขาไว้แทนการให้ขนมพิจารณาการบำบัดถ้าสังเกตเห็นว่าน้องหมาของเรามีอาการของการสูญเสียที่ยาวนานผิดปกติ  การพาเขาไปพบกับนักบำบัดสุนัขก็สามารถช่วยได้ เพราะทางนักบำบัดจะสามารถบำบัดได้ตรงจุดร่วมด้วยกับอาจจะมีการใช้ยาเฉพาะด้วยอย่าเพิ่งใจร้อน รับน้องหมามาเพิ่มให้เวลาเขาได้เสียใจและปรับตัวก่อนอีกสักนิด การมองหาน้องหมามาแทนที่อย่างรวดเร็วเลยหลังการสูญเสียอาจจะทำให้เขาเครียดกับสถานการณ์นี้ได้โดยสรุปภาพรวมแล้วนั้น เราอาจจะต้องใส่ใจและหมั่นสังเกตพฤติกรรมของน้องหมาให้มากขึ้นเพื่อจะได้ช่วยกันหาทางปรับแก้ไม่ให้ความเศร้าทำให้ความร่าเริงของเขาหายไปนานเกินไปแหล่งข้อมูล: theguardian.com / vcahospitals.com

สภาวะที่อุณหภูมิในร่างกายสุนัขสูงกว่าปกติ อัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น หายใจถี่เร็ว หอบง่าย เหงื่อไหลออกมามากกว่าปกติ ฉี่สีเข้ม อาเจียนและอุจจาระออกมาเป็นสีเลือด และถึงขั้นอาจเกิดภาวะช็อก อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณบอกว่าสัตว์เลี้ยงเเสนรักของเรากำลังเข้าสู่สภาวะ โรคฮีทสโตรก นั่นเอง ปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเกิดได้หลายอย่าง เช่น น้องหมามีโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและการหายใจอยู่แล้ว มีภาวะอ้วน พื้นที่ที่มีอากาศร้อนจัด ขาดน้ำเป็นระยะเวลานาน ลูกสุนัข สุนัขวัยชรา สุนัขจมูกสั้น และสุนัขขนยาวก็อาจจะเสี่ยงที่เมื่ออยู่ในพื้นที่อากาศร้อนจัดจะเป็นโรคฮีทสโตรกได้ง่าย วิธีเช็กว่าน้องหมาขาดน้ำหรือไม่ ให้เพื่อนๆ ดึงผิวหนังของน้องหมาส่วนไหนก็ได้ ถ้าดึงเเละหนังคืนสภาพในทันทีนั้นเเสดงว่าร่างกายของน้องมีความสดชื่นและได้รับน้ำเพียงพอ แต่ถ้าเราดึงเเล้วผิวหนังยังไม่กลับเข้าสภาพเดิมให้เตรียมน้ำให้น้องดื่มเพื่อคงสภาพร่างกายจะดีที่สุด หากน้องหมาเป็นฮีทสโตรก ให้น้ำทานตลอดเพื่อลดความร้อนก่อน หาพื้นที่หลบเเดดที่มิดชิดและทำการระบายความร้อนภายในร่างกายของสัตว์เลี้ยงเราโดยเร็วที่สุด ใช้ผ้าชุบน้ำแข็ง หรือเจลเย็น ประกบตามร่างกาย ทั้งหัว บนหลัง คอ ลำตัว ขาพับ ขาหนีบ อุ้งเท้า การวางหลายๆ จุดจะช่วยให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อนนำส่งคุณหมอ โรคฮีทสโตรกเป็นโรคที่มีความอันตรายถ้าไม่ดูเเลเอาใจใส่ให้ดีอาจเสี่ยงทำให้อวัยวะภายในล้มเหลวและเสียชีวิตได้ หน้าร้อนนี้จึงอยากให้ทุกคนดูแลน้องหมาให้ดีไม่ให้เป็นโรคประจำหน้าร้อนกัน

เต่าญี่ปุ่น หรือ “เต่าแก้มแดง” (Red-eared Slider) เป็นเต่าพื้นเมืองแถบประเทศสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trachemys seripta elegans ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 5 – 8 นิ้ว นับเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกมานานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งในปัจจุบันเต่าญี่ปุ่นทั้งหมดที่ขายกันเป็นเต่าที่เกิดจากฟาร์มเพาะพันธุ์ในเมืองไทย ไม่ต้องพึ่งการนำเข้าจากต่างประเทศอีกต่อไป และมีสีใหม่ๆ ออกมาให้เห็นหลายแบบ เช่น เต่าญี่ปุ่นเผือกที่มีกระดองสีเหลือง ตัวสีขาว และเต่าญี่ปุ่น พาสเทลที่มีสีออกส้ม ซึ่งถือว่าหายาก มีราคาสูงถึงหลัก หมื่นบาทเลยทีเดียว สิ่งสำคัญในการเลี้ยงเต่าญี่ปุ่น1.เต่าญี่ปุ่นจัดเป็นเต่าที่เลี้ยงง่ายและกินไม่เลือกทั้งพืชและสัตว์ มีอาหารสำเร็จรูปหลายยี่ห้อวางขายให้เลือกใช้ ทั้งของที่ผลิตในประเทศและของนำเข้า ข้อเสียคือราคา ค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับลูกเต่าหรือเต่าที่ยังมีขนาดเล็ก เพราะกินไม่เยอะนัก แต่เมื่อโตขึ้นแล้วจะประหยัดค่าอาหาร โดยการเปลี่ยนไปให้ผักบุ้งเป็นหลัก และใช้อาหารเม็ดเสริม ก็ได้เช่นกัน2.เนื่องจากเต่าญี่ปุ่นเป็นเต่าน้ำ (เต่าชายน้ำ) อาศัยอยู่ในน้ำกินอยู่ขับถ่ายก็กระทำในน้ำ ดังนั้นจึงควรรักษาความสะอาดน้ำในที่เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอหรือถ้าติดระบบกรองน้ำแบบเลี้ยงปลาสวยงามไปเลยก็ดีเลยภาชนะที่ใช้เลี้ยงพื้นฐานสุดๆก็คงจะเป็นตู้ปลาเลือกขนาดตู้ปลาก็ขอให้ใหญ่ๆหน่อยเพราะเต่าตัวนี้อัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็วแต่จะว่าไปตู้ปลาก็ไม่ใช่ภาชนะที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงเต่าญี่ปุ่นนะเต่าญี่ปุ่นไม่ต้องการน้ำที่ลึกมากเลี้ยงในอ่างหรือบ่อกว้าง ๆ ใหญ่ ๆ ดีกว่า เพราะเต่าญี่ปุ่นโตเต็มที่เป็นฟุตTips การติดตั้งระบบกรองน้ำ จะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเจริญเติบโตในตู้และช่วยลดความถี่ในการเปลี่ยนถ่ายน้ำได้3.เต่าญี่ปุ่นเป็นสัตว์เลือดเย็นแสงแดดจากดวงอาทิตย์จึงจำเป็นต่อเต่ามากๆ สถานที่เลี้ยงก็ควรเป็นที่ๆ รับแสงธรรมชาติได้อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง โดยมีร่มเงาไว้ให้หลบร้อนด้วย เต่าญี่ปุ่นชอบขึ้นมาอาบแดดบนบกเอามากๆ ดังนั้นจึงควรจัดให้มีตลิ่ง เชิง ชาน ดิน กรวด ทราย หรืออะไรก็ตามที่เป็นบกให้น้องเต่าขึ้นมาอาบแดดได้ แสงแดดจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกาย ช่วยย่อยอาหาร การเจริญเติบโต ช่วยดึงสารอาหารไปใช้ รวมถึงฆ่าเชื้อโรค เชื้อราที่ติดอยู่ตามกระดองและผิวหนังให้หมดไป  แต่ถ้าไม่สะดวกพาเต่ามาอาบแดด ก็มีหลอดยูวีสำหรับสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ซื้อมาใช้ก็พอถูไถไปได้ แต่ยังไงก็สู้แสงแดดธรรมชาติไม่ได้นะ   ในขณะยังเด็กเต่าญี่ปุ่นจะยังไม่สามารถแยกเพศได้ชัดเจน จะเริ่มดูออกเมื่อเต่ามีขนาด 3-4 นิ้วขึ้นไป โดยตัวเมียจะตัวใหญ่และโตเร็วกว่าตัวผู้อย่างเห็นได้ชัด ตัวผู้จะหางยาวกว่า เล็บยาวแหลม ท้องกระดองเว้า ตัวเมียเล็บสั้น หางสั้น ท้องกระดองแบนราบเต่าญี่ปุ่นโตมาตัวก็ใหญ่ สีก็เปลี่ยนไปไม่สวยน่ารักเหมือนเก่า ถ้าเกิดไม่อยากเลี้ยงเต่าญี่ปุ่นแล้ว ก็อย่าเอาไปปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาตินะ เต่าญี่ปุ่นจะไปแย่งที่อยู่และแหล่งอาหารของเต่าพื้นเมืองของเรา เต่าญี่ปุ่นกินเก่ง กินไม่เลือก ขยายพันธุ์ง่าย อัตราการรอดสูงแถมไข่เยอะอีก ยังไงก็คิดพิจารณาศึกษาก่อนเลี้ยง วางแผนและเตรียมการจัดการให้ดีๆ เพื่อเต่าแสนรักของเรานะแหล่งที่มา: https://www.baanlaesuan.comhttps://www.trueplookpanya.com

เพราะอะไรกัน? น้องหมาถอนหายใจใส่ ผิดหวัง มีความสุขหรือผ่อนคลายกันแน่!#Petชวนรู้ อยากจะบอกว่าทุกข้อที่กล่าวมาเข้าข่ายหมดเลย ซึ่งโดยปกติแล้วลมหายใจจะมีเสียงที่เบา แต่การถอนหายใจจะเป็นการหายใจเข้าและออกที่ยาวกว่าปกติจนเกิดเสียงขึ้นมาน้องหมาถอนหายใจเป็นเรื่องปกติของร่างกาย จากบทความของ American Kennel Club (AKC) บอกว่าการถอนหายใจของน้องหมาสื่อได้ทั้งอารมณ์บวกและลบ ถ้าเกิดว่าเค้าถอนหายใจพร้อมดวงตาที่เกือบจะปิด นั่นหมายถึงเค้ากำลังพอใจ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ดวงตาเบิกกว้าง นั่นหมายความว่ากำลังผิดหวังนั่นเองน้องหมาที่กำลังทำท่านั่งลง เอนกายและพิงสองขาของตัวเองด้วยสายตาเป็นมิตร หมายถึงกำลังผ่อนคลาย ถ้าเดินมานั่งใกล้ ๆ แล้วถอนหายใจใส่พร้อมมองหน้าก็แสดงว่าเค้ากำลังเรียกร้องความสนใจอยู่นะ ('มาเล่นกันเถอะ')อย่างไรก็ตามการถอนหายใจอาจจะมาพร้อมกับอาการเจ็บปวดได้ หากสังเกตเห็นความผิดปกติเพิ่มเติมให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์จะดีที่สุดน้า แหล่งข้อมูล: hillspet.com, thefarmers.dog

ช่วงเดือนพฤษภาคมแบบนี้อากาศภายนอกบ้านยังคงร้อนอยู่ใช่ไหม?น้องหมาที่เลี้ยงนอกบ้านหรือเลี้ยงในบ้านได้รับน้ำเพียงพอหรือยัง?บางครั้งเราอาจจะมองข้ามปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของสัตว์เลี้ยงของเราอย่างเรื่องของปริมาณน้ำและความต้องการน้ำของพวกเค้าPetHipster เลยจะมาสรุปประเด็นเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ กันทำไมน้ำจึงสำคัญกับพวกเค้าน้องหมาสามารถสูญเสียน้ำได้หลายทางไม่ว่าจะเป็นการหอบ หายใจ ขับถ่ายหรือการระเหยความร้อนผ่านอุ้งเท้าก็ตาม น้ำจึงสำคัญในการที่ต้องได้รับต่อเนื่อง เพราะเป็นตัวช่วยที่สำคัญของเซลล์ในการนำพาสารอาหารเข้าสู่ร่างกายนอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวช่วยสำคัญในกระบวนการต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะการหมุนเวียนของเลือด ซึ่งน้ำจะช่วยขับสารพิษและช่วยขนส่งออกซิเจน น้ำช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายและการขาดน้ำยังส่งผลให้ขาดแร่ธาตุที่สำคัญอย่างโซเดียม, คลอไรด์และโพสแทสเซียม ที่ช่วยควบคุมความสมดุลของ Ph, ช่วยเรื่องระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท รวมถึงการเคลื่อนย้ายของเซลล์เหมือนที่กล่าวไปน้องหมาขาดน้ำสังเกตอย่างไรได้บ้างอาการอ้วก, ท้องเสีย, โรคลมแดดหรือมีไข้ อาจมีสาเหตุมาจากการขาดน้ำได้ ถ้าอาการน้องหมาหนักมากแนะนำให้พาไปพบสัตวแพทย์จะดีที่สุดแต่เบื้องต้นเราสามารถเช็คสุขภาพของเค้าว่าขาดน้ำได้หรือเปล่าด้วยการลองจับยืดผิวหนังบริเวณไหล่อย่างเบามือ ถ้ายืดปล่อยแล้วคลายลงที่เดิมเร็วถือว่าปกติ แต่ถ้าคลายลงสภาพเดิมช้าอาจเป็นสัญญาณขาดน้ำได้หรืออีกวิธีคือเช็คที่เหงือกลองกดที่เหงือกของเค้าดูขณะที่กดเหงือกแล้วปล่อย เหงือกจะเป็นสีขาวไม่กี่วินาทีและเปลี่ยนเป็นสีชมพูเหมือนเดิม ถ้าเร็วแสดงว่าปกติดี แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูเหมือนเดิมช้าอาจจะเกิดภาวะขาดน้ำได้เช่นกันจะป้องกันภาวะขาดน้ำได้อย่างไรตามทฤษฎีแล้วน้องหมาจะต้องการน้ำประมาณ 1-2 ออนซ์ (ประมาณ 28 มิลลิลิตร) ต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์ต่อ 1 วัน ถ้าเป็นลูกสุนัขอาจจะต้องการประมาณครึ่งถ้วยทุกๆ 2 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นเราต้องคอยสังเกตการกินน้ำและหมั่นเติมน้ำสะอาดบ่อยๆ จะดีมาก ในน้องหมาบางตัวกินน้ำน้อยหรือต้องคอยกระตุ้นก่อนถึงจะกิน วิธีแก้คือลองวางชามน้ำไว้ใกล้แหล่งที่เค้าชอบเล่นหรือใกล้ชามข้าว อาจให้รางวัลและชมเชยเค้าตอนกินน้ำ บางคนอาจจะใส่รสชาติกระดูกหรือทำน้ำแข็งให้พวกเค้าเคี้ยวก็ได้ภาวะขาดน้ำไม่ควรเป็นเรื่องที่มองข้ามเลย เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานของน้องหมาในการที่จะใช้ชีวิตกับเราและเล่นสนุกต่อไป บางครั้งภาวะกินน้ำน้อยหรือบางครั้งกินมากเกินจนผิดปกติอาจเป็นสาเหตุของโรคที่เรามองไม่เห็นด้วยตาได้เพราะฉะนั้นการหมั่นสังเกตและพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคหรือรับคำแนะนำดีๆจึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากที่จะช่วยไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่สายเกินแก้ได้แหล่งที่มาข้อมูล: www.akc.org/expert-advice/health/puppy-drinking-enough-water/https://www.akc.org/expert-advice/health/warning-signs-dehydration-dogs/

 เพื่อน ๆ รู้ไหมว่า ผิวหนังของน้องหมาน้องแมวนั้นบอบบางกว่าคนเราถึง 3 เท่าเลยนะ โดยผิวหนังของน้องๆ มีประมาณ 3 - 5 ชั้น แต่ของคนจะมีความหนา 10 - 15 ชั้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีนั้น จึงทำให้น้องหมาน้องแมวเกิดความระคายเคืองได้ง่าย แต่ถ้าจะไม่ให้อาบน้ำน้องหมาน้องแมวเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม ดังนั้น จึงต้องมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำน้องหมาน้องแมวที่เป็นแบบออร์แกนิคออกมาตอบโจทย์นี้นั่นเอง Hubpy Organic !!!! เป็นผลิตภัณฑ์แชมพู ครีมนวด และสเปรย์ ออร์แกนิค ที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ 100%  และปราศจากสารไม่พึงประสงค์ SLS FREE , SLES FREE, PARABEN FREE, ALCOHOL FREE, SYNTHETIC  COLOR FREE , pH Balance ผ่านการทดสอบการระคายเคืองขั้นสูงโดยแพทย์ผิวหนัง มีความอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง จากแล็บมาตรฐานประเทศญี่ปุ่น แถมเค้ายังมีหลายสูตรสำหรับน้องหมาน้องแมวให้เลือกอีกด้วยนะ ที่สำคัญด้วยความเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เวลาเพื่อน ๆ อาบน้ำให้น้องๆ ที่บ้าน ก็จะไม่แสบมือ และน้อง ๆ เองก็ไม่ต้องแสบผิวอีกด้วยนะ รับรองว่าน้องหมาน้องแมวที่แพ้ง่ายสามารถใช้ได้อย่างแน่นอน สามารถเข้าไปเลือกดูสูตรที่เหมาะกับน้องหมาน้องแมวที่บ้านและสั่งซื้อได้ที่ Facebook Fanpage: Hubpy Organic หรือจะเข้าไปสอบถามว่าน้อง ๆ ของเราเหมาะกับสูตรไหน เพียงทักเข้าไปที่ทางกล่องข้อความได้เช่นกัน โดยจะมีผู้เชียวชาญคอยให้คำปรึกษาเพื่อน ๆ อยู่ตลอดเลยน้า

           เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเคยเห็นน้องแมวเลียขนเพื่อทำความสะอาดตัวเองอยู่บ่อย ๆ ใช่ไหมล่ะ ในความเป็นจริงการเลียขนของน้องแมวนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่รักสะอาดมาก จนแทบจะไม่ต้องอาบน้ำเลย แต่การที่แมวเลียขนตัวเอง ทำให้ต้องกลืนขนเป็นจำนวนมากเข้าไปในร่างกาย และนำไปสู่ปัญหาก้อนขนอุดตันทางเดินอาหาร อาการของปัญหาก้อนขนอุดตันในทางเดินอาหารของแมว         การที่แมวได้กลืนขนลงไปในลำคอเป็นจำนวนมากนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่ชอบทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ ระบบทางเดินอาหารของแมวจึงต้องปรับตัวเพื่อที่จะจัดการกับก้อนขนที่กลืนลงไป แต่ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เส้นขนเหล่านั้นจะรวมตัวกันเป็นก้อนและไม่สามารถผ่านไปที่ลำไส้ต่อได้ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดความระคายเคืองในกระเพาะอาหารและทำให้เกิดการอุดตันของก้อนขนได้ ในความเป็นจริงเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของแมวให้เลิกเลียขนตัวเองได้ ดังนั้นจึงมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอุดตันของก้อนขนเกิดขึ้นมากมาย สิ่งที่ง่ายที่สุดในการช่วยลดการอุดตันของก้อนขนแมวได้ดีก็คือ อาหารที่เป็นสูตร Hairball อย่าง “Pet8 CATZ & KITCHEN สูตร HAIRBALL CONTROL”     หลายคนคงสงสัยว่าอาหารแมวที่เป็นสูตร Hairball คืออะไร อาหารแมวสูตร Hairball เป็นอาหารที่ช่วยลดการเกิดก้อนขนเวลาที่แมวเลียตัวเอง มีการใส่วัตถุดิบและสารอาหารที่ช่วยเรื่องลดก้อนขน และเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ในอาหาร เพื่อให้ก้อนขนไม่จับตัวเป็นก้อน เข้าสู่ระบบย่อยอาหาร และออกมาพร้อมกับอุจจาระนั่นเอง  

1. กระต่ายเป็นสัตว์กินพืชผักและผลไม้ไม่ควรให้กินพวกขนมขบเคี้ยว ลูกอม เนื้อสัตว์ ของหมักดองเพราะระบบย่อยอาหารไม่เหมือนมนุษย์ อาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้2. ช่วงที่อากาศร้อนตอนกลางวัน กระต่ายจะไม่ค่อยกินอาหาร ให้ใส่อาหารสดให้เขากินจะได้เก็บพลังงานไว้ใช้ตอนกลางวัน3. ตรวจเช็คขวดน้ำทุกวันว่าน้ำไหลหรือรั่วหรือไม่และหมั่นล้างขวดน้ำสม่ำเสมอ ห้ามให้กระต่ายกินน้ำในถ้วยเด็ดขาดการกินน้ำเยอะๆ เป็นเรื่องปกติร่างกายจะได้ขับของเสียออกมาได้เยอะขึ้น4. หลีกเลี่ยงการพากระต่ายออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านในเวลาประมาณ 09:00 – 17:00 น. ช่วงฤดูร้อน5. ห้ามอาบน้ำกระต่ายตอนกลางคืนเด็ดขาด เวลาจะอาบน้ำควรเช็คสภาพอากาศและช่วงเวลา ที่สำคัญหลังอาบน้ำเสร็จ ให้ไดร์ขนให้แห้งสนิท

วันนี้ Pet Hipster จะพามาดู 6 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับแมว ที่มักจะพบเจอได้บ่อยๆ และเรื่องเข้าใจผิดเหล่านี้ก็อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดถาวรและการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้องได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติของพวกเขามากขึ้น เราก็จะได้ดูแลพวกเขาได้ดีต่อไป1.    แมวชอบอยู่บ้านตามลำพัง หลายคนมักเข้าใจผิด คิดว่าปล่อยให้แมวอยู่บ้านตามลำพังกับเครื่องให้น้ำ - ให้อาหารอัตโนมัติแล้วเขาจะอยู่ได้ เปล่าเลย เพราะจริงๆ แล้วเจ้าแมวสามารถวิตกกังวลเวลาที่เราไม่อยู่ได้เหมือนๆ กับสุนัข   2.    เสียง purr เท่ากับมีความสุข ส่วนหนึ่งของเสียง purr อาจแปลได้ว่าแมวกำลังมีความสุขจริง แต่นั่นก็ไม่เสมอไป เพราะเสียง purr นี้ แมวจะใช้ในช่วงที่เขาถูกข่มขู่หรือว่ากำลังบาดเจ็บได้ด้วย3.    แมวใช้ชีวิตช่วงกลางคืน จริงๆ แล้วเจ้าแมวไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงกลางคืน แต่เป็นช่วงพลบค่ำกับรุ่งสางต่างหาก เหตุผลก็เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหยื่อในธรรมชาติตื่นและถึงเวลาที่เขาต้องล่านั่นเอง4.    ฝึกแมวให้ฟังและเรียนรู้ไม่ได้ ‘ไม่มีทางที่แมวจะฝึกตามคำสั่งหรือให้ทำท่าทางได้หรอก’ ประโยคนี้ไม่จริงเสมอไป เพราะที่จริงแล้วแมวสามารถเทรนด์ได้ สอนได้ เหมือนกับสุนัขเลย5.    อาหารแห้งดีกว่าอาหารเปียก อาหารแห้งไม่ได้ดีกว่าเสมอไป เพราะอาหารเปียกไม่ว่าจะมาในรูปแบบกระป๋องหรือซอง จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่าอาหารเม็ดในเรื่องของปริมาณโปรตีนที่มากกว่า แคลอรี่ที่น้อยกว่า แถมยังให้ความชุ่มชื้นที่เยอะกว่าด้วย6.    แมวทุกตัวชอบกัญชาแมว ความจริงแล้วมีเพียง 50 - 75 เปอร์เซ็นต์ของแมวเท่านั้นที่ชอบกัญชาแมว แถมแมวส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถให้กัญชาแมวได้จะอยู่ในแถบออสเตรเลีย เหมือนกับที่บางตัวเวลาให้กัญชาแมวไปแล้วจะมีความสุข แต่บางตัวก็กลายเป็นก้าวร้าว

            หลายบ้านอาจจะมีปัญหาน้องหมาพยายามปีนโต๊ะอาหาร เพื่อแอบชิมความอร่อยในจานหรืออาจจะปีนโต๊ะเพื่อความสนุกส่วนตัว ซึ่งปัญหานี้อาจทำให้เกิดความเลอะเทอะ พฤติกรรมต่อเนื่องที่ไม่น่าชวนพิศมัย รวมถึงอาจทำให้เกิดการทะเลาะกันระหว่างน้องหมากับเราได้ แต่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปเพราะวันนี้คอลัมน์ How to ได้รวมวิธีช่วยฝึก และวิธีหลีกเลี่ยงน้องหมาปีนโต๊ะอาหารมาให้และหลีกเลี่ยงน้องหมาปีนโต๊ะอาหารมาให้แล้ว                -ฝึกน้องหมาให้รู้จักที่ทางถ้าเริ่มสังเกตเห็นน้องหมาของเราเดินมาดม ๆ บริเวณโซนทำอาหาร แทนที่เราจะรีบตะโกนด่า หรือตะโกนไล่ไปด้วยเสียงที่ดัง อยากแนะนำให้ฝึกเขารู้จักที่ประจำของตัวเองเพื่อในขณะที่เราทำอาหาร น้องหมาจะได้ไม่ตะกายขึ้นมาบนโต๊ะ โดยวิธีการฝึกคือการให้ขนมเป็นรางวัลเมื่อน้องหมาเดินเข้าไปประจำยังที่ของตัวเอง ทำต่อเนื่องจนน้องหมาเรียนรู้ว่าถ้าอยากได้ขนมต้องเดินเข้าไปอยู่โซนนั้นเท่านั้นนะ แล้วพฤติกรรมกระโดดขึ้นโต๊ะอาหารจะค่อย ๆ ลดไป                - ซ่อนขนมไว้บริเวณอื่นของครัวก่อนจะเริ่มเข้าครัว วิธีลดพฤติกรรมน้องหมากระโดดขึ้นโต๊ะอาหารอีกวิธีหนึ่ง อาจจะลองซ่อนขนมไว้ตามมุมอื่น ๆ ของครัวโดยที่ไม่ให้ใกล้กับบริเวณที่จะมีการวางอาหารไว้ โดยถ้าน้องหมาเริ่มเดินตามเข้ามาในครัวเมื่อไหร่ ให้เขาเล่นเกมค้นหาขนมที่ซ่อนไว้ก่อนได้เลย และทำต่อเนื่องจนน้องหมาเข้าใจได้ว่าจะได้ของกินแน่นอนจากการตามหาขนมบริเวณพื้น ดีกว่าการกระโดดขึ้นบนโต๊ะ           - ทำให้โต๊ะอาหารสะอาดอยู่เสมอ โดยปกติน้องหมาเป็นสัตว์ที่มีจมูกดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของอาหาร เพราะฉะนั้นอยากแนะนำให้ทุกคนทำความสะอาดบริเวณโต๊ะอาหารให้สะอาดอยู่เสมอหลังจากเข้าครัวเสร็จแล้ว เพราะกลิ่นที่คงค้างอยู่อาจจะทำให้เขาสนใจ และอยากจะปีนขึ้นบนโต๊ะในครั้งต่อไปได้               - ฝึกน้องหมาให้วางสี่ขาบนพื้น หลังจากทำความสะอาดโต๊ะให้สะอาด และมีกลิ่นอาหารหลงเหลือน้อยที่สุดแล้ว เหตุผลที่น้องหมาจะกระโดดขึ้นบนโต๊ะก็จะลดน้อยลงไปด้วย หลังจากนี้มาเรียนรู้อีกวิธีที่จะทำให้เขาได้รางวัลจากการอยู่ที่พื้นดีกว่า นั่นก็คือการฝึกให้อยู่นิ่ง เท้าแตะพื้นทั้งสี่ขา และค่อยให้ขนม ให้เขาได้ชินกับการได้รับรางวัลเป็นขนมเมื่อเท้าทั้งสี่วางอยู่บนพื้นเท่านั้น                - ไมให้ความสนใจ ถ้าน้องหมาพยายามที่จะกระโดดขึ้นบนโต๊ะอาหาร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของความน่ากินหรือเพื่อความสนุกก็ตาม อยากให้เราลองแกล้งทำเป็นไม่สนใจดูสักครั้ง อาจจะหันหลังให้หรือเดินออกไปจากครัว แต่ต้องมั่นใจก่อนว่าไม่มีชามอาหารวางไว้ในรัศมีที่น้องหมาจะโดดกินถึง รวมถึงต้องมั่นใจด้วยว่าไม่เคยให้รางวัลเขาตอนที่กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะ ลองวิธีนี้บ่อยขึ้นเพื่อให้น้องหมารู้ว่า การกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะแบบนี้ไม่ได้รับความสนใจจากเรานะ            จากวิธีทั้งหมดที่แชร์ให้ทุกคน ถ้าลองเลือกมาปรับแล้วแต่ยังไม่ได้ผล การพาน้องหมาไปพบกับนักบำบัดพฤติกรรมผู้เชี่ยวชาญอาจช่วยได้มากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อไม่ให้พฤติกรรมของเขาเลยเถิดจนเกิดเป็นพฤติกรรมถาวรที่อาจทำให้เราหงุดหงิดได้

How To Make Your Cat 'Feel like home'    ไม่ว่าจะเป็นน้องแมวพันธุ์ไหน หรือมาจากที่ใด ก็ล้วนอยากให้ที่อาศัยของตัวเอง นั้นเป็นเหมือน Comfort Zone เพราะฉะนั้นการทำให้น้องแมวรู้สึกว่าบ้านของเจ้านายนั้นเป็นสถานที่แห่งความสุข ถ้าน้องแมวไม่รักบ้านตัวเอง บางทีน้องแมวอาจจะเบื่อบ้านและออกไปวิ่งเล่นและไม่กลับมาอีกเลยก็ได้ จึงเป็นเรื่องที่ Must do เลยทีเดียว เพราะน้องแมวมีไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตที่ต่างจากมนุษย์ แต่มีมุมมองเดียวกันคือต้องการให้บ้านของตัวเองเป็นที่พักพิงที่มีความสุขที่สุด และนี่คือวิธีที่ทำให้น้องแมวรู้สึกมีความสุขในบ้านของตัวเองพื้นที่ ที่สูง (Perches)ตามธรรมชาตินั้นแมวมักจะอาศัยที่ต้นไม้ เพื่อที่หลบซ้อนจากภัยอันตรายและเพื่อให้วิศัยทัศน์ในการสำรวจอาณาเขตและการล่าเหยื่อ และเมื่อหากปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจากป่าเป็นบ้าน สามารถสังเกตถึงเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้หนังสือสูง ๆ  หรือแท่นวางต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งหัวเตียง เจ้านายก็ควรแนะนำให้น้องแมวได้รับรู้ถึงสถานที่รอบบ้านที่มีจุดให้พักพิงสูง ๆ โดยการอุ้มน้องแมวมาให้ลองนั่งดู การทำแบบนี้ทำให้น้องแมวรับรู้ว่าเขามีพื้นที่สูงให้เขาได้เห็นอาณาเขตตัวเองในวงกว้าง หรือถ้าหากที่บ้านไม่มีที่สูง ก็สามารถนำคอนโดแมวมาให้น้อง ๆ ก็ได้เปิดกว้างกับด้านนอก (Connecting with Outdoor)    แมวเป็นสัตว์รักอิสระ ซึ่งจำเป็นต้องทำให้น้อง ๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่ถูกขัง ถึงแม้บางที่จะเลี้ยงเป็นระบบปิดก็ใช่ว่าจะขังน้องออกไปจากโลกภายนอกเลย ลองพาน้องออกมาเดินเล่นบ้าง และให้เขาได้ทำความคุ้นชินกับรอบบ้าน หรือให้น้องแมวเห็นวิวด้านนอกผ่านหน้าต่างหรือประตูกระจกก็ได้เช่นกันที่หลบภัย (Hideout)    ถ้าหากเราสังเกตบ่อย ๆ บางครั้งน้องแมวจะชอบเข้าไปนอนซุกในที่แคบ ๆ เพราะว่ามันสร้างความปลอดภัยให้กับความรู้สึกของน้องแมว แต่บางครั้งที่หลบซ่อนของน้องก็ลึกเกินหรือสกปรกได้ วิธีแก้คือเล่นกับน้องแมวหรือทำให้เขารู้สึกว่ามองไม่เห็น หรือการเอากล่องกระดาษมาเป็นห้องมืด ๆ ให้น้องได้เข้าไปหลบที่ฝนเล็บ (Scratch Posts)    การฝนเล็บเป็นธรรมชาติของน้องแมวอยู่แล้ว น้องจะฝนเล็บตามต้นไม้ เพราะฉะนั้นก็ควรจะให้น้องแมวมีที่เอาไว้ฝนเล็บของเขาเอง เพื่อให้เขารู้สึกว่าบ้านของน้องครบวงจร เช่นเสาเชือก หรือพรม แต่ถ้าหากน้องฝนเล็บที่โซฟาราคาแพงก็อย่าลืมสอนน้องให้ไปฝนที่อื่นด้วยก่อนที่น้องจะติดเป็นนิสัยการให้อาหาร (Feeding)    การให้อาหาร ก็เป็นสิ่งสำคัญนอกเหนือจากอาหารก็คือจานให้อาหาร เนื่องด้วยแมวจะใช้หนวดแมวในการนำทาง จานอาหารก็ควรจะ Friendly กับหนวดของเขาและสะดวกในการกินของน้องแมวเพื่อให้น้องมีความสุขไปกับการกินมากที่สุด และอีกเรื่องคือควรวางจานของน้องแมวไว้ที่เปิด เพื่อให้น้องแมวได้เห็นมุมรอบในระหว่างที่กินอาหารอยู่ว่าจะไม่มีใครจะมาแย่งน้อง ตามสัญชาตญาณของน้องแมวกระบะทราย (Litter Box)    น้องแมวเป็นสัตว์ที่รักสะอาดอย่างมาก แต่ต้องทำความเข้าใจว่าการขับถ่ายของน้องแมวบ่งบอกถึงการกางอาณาเขตของตัวเอง เพื่อให้รู้ว่าตรงนี้คือถิ่นประจำของตัวเอง เพราะฉะนั้นการวางที่ให้น้องขับถ่ายก็ต้องเป็นที่ประจำเพื่อไม่ให้น้องแมวสับสนกับอาณาเขตของตัวเอง